นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์นี้ ติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 25-26 กรกฎาคม นี้ คาดว่า จะคงอัตราดอกเบี้ย และจะต้องติดตามสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของนางเจเน็ต เยเลน ว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ธันวาคมนี้อีกหรือไม่ ซึ่งโอกาสความน่าจะเป็นลดลงมาอยู่ที่ 50%
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาแล้วประมาณ 15-20% และล่าสุดตลาดคาดว่าจะเติบโตประมาณ 9.6% ซึ่งปรับลดลงมาจากไตรมาสที่ 1 ที่เติบโตแรงมากที่ 15%
ด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย คาดว่าจะหดตัวราว 6% YoY หลังจากโตอย่างมากที่ 21% ในไตรมาส 1 แต่เนื่องจาก ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงยังคงกดดันผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มพลังงาน และการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเต็มจำนวนกรณีบริษัท EARTH ของ KTB ทำให้ผลประกอบการโดยรวมของธนาคารและ บจ.ในไตรมาส 2 ชะลอตัวลง
ด้านการเมืองสหรัฐฯ ยังมีความไม่แน่นอนเรื่องการที่วุฒิสภาจะนำ พ.ร.บ. สุขภาพของ Republican เข้าสภาเพื่อลงมติในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าไม่น่าผ่าน เพราะที่ผ่านมาเสียงของสมาชิกพรรค Republican มีส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย จึงเป็นไปได้อาจจะเสนอเป็นลงมติว่าจะแก้กฎหมาย Obamacare หรือไม่แทน กระบวนการเหล่านี้จะมีผลให้การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์จะต้องชะลอกันออกไปเป็นอย่างมากอีก ด้านคดีรัสเซียที่เข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้ง ประธานาธิบดี ของทรัมป์ ยังเป็นประเด็นอย่างต่อเนื่องที่อาจกระทบสถานภาพทางการเมืองของทรัมป์ถึงขั้นอาจถูกถอดถอนได้ แม้ว่าเวลาจะลงมติถอดถอน พรรค Republican ไม่น่าแพ้เพราะครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภา
ดังนั้น ปัจจัยต่าง ๆ ส่งผลให้ตลาดหุ้นยังคงไม่ไปไหน อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวชัดเจนขึ้น ด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาส่งสัญญาณจะปรับลดการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลง ซึ่งก็สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป และตัวเลขการส่งออก เดือน มิถุนายน ของไทยเอง ก็ออกมาดีมาก ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น
ทั้งนี้ มองกรอบ SET Index สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,568-1,581 จุด
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ Trading Idea สัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อ TISCO ของ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ราคาเป้าหมายปี 60 อยู่ที่ 84.00 บาท เนื่องจาก พื้นฐานอันแข็งแกร่งจากการเติบโตของกำไรที่มั่นคง คุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร และอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดีมาก ก่อนหน้านี้ TISCO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/60 ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% QoQ และ 24.6% YoY หนุนโดยการตั้งสำรองที่ลดลงและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ คุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage ratio) อยู่สูงถึง 172.4% ทำให้ธนาคารมีแรงกดดันน้อยลงในการตั้งสำรองในอนาคต นอกเหนือจากนั้นแล้ว เรามองว่าธนาคารจะได้รับประโยชน์จากตลาดยานยนต์ที่กำลังฟื้นตัวและการบริโภคในครัวเรือนที่ขยายตัวต่อเนื่อง อีกทั้ง กระบวนการโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ โดยเราคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนให้สินเชื่อของ TISCO ในปี 60 เติบโตแข็งแกร่งมาก 15%
"เราประมาณการว่า ROE ของธนาคารในปี 60 จะอยู่ที่ 18.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในกลุ่มธนาคาร เราคาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโต 20.6% ในปี 60 และ 10.8% ในปี 61 นอกจากนั้นแล้ว หุ้น TISCO ยังมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่จูงใจมากที่ราว 5.1%" นายวรุตม์ กล่าว
ด้าน Technical รูปแบบราคา (Price Pattern) ของ TISCO ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้งสัญญาณซื้อรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน ที่ผ่านมาพบว่ามีแนวต้านแข็งแกร่งอยู่ที่ 76.25 บาท ซึ่งหาก Price Pattern ของ TISCO ยังมีความแข็งแกร่งที่มากพอและสามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 76.25 บาทได้สำเร็จ ก็จะมีเป้าหมายถัดไปของการทำ New High อยู่ที่ 102 บาท ทั้งนี้ TISCO มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 71.25 บาท โดยมีแนวต้านที่ 74.25, 74.75, และ 75.25 บาท และแนวรับ 73.50, 73.00, และ 72.50 บาท
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit