อันดับเครดิตภายในประเทศของ ASP สะท้อนถึงเครือข่ายทางธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทยที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นการดำเนินงานผ่านบริษัทลูก คือ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) ทั้งนี้ในการพิจารณาอันดับเครดิตของ ASP ฟิทช์พิจารณาจากโครงสร้างเครดิตโดยรวมของทั้งกลุ่ม เนื่องจากสินทรัพย์รวมของ ASPS มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับกลุ่ม นอกจากนี้ ASP และ ASPS ยังมีการเชื่อมโยงในการดำเนินงานและการเงินระหว่างกันในระดับสูง ASPS เป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีการกระจายตัวของรายได้มากกว่าบริษัทหลักทรัพย์อื่นในประเทศไทย เนื่องจากบริษัทมีฐานลูกค้านักลงทุนรายย่อยที่มีขนาดใหญ่ และยังมีผลงานที่โดดเด่นในภาคธุรกิจตลาดทุนและวาณิชธนกิจ
ฟิทช์คาดว่า ASP จะสามารถรักษาผลการดำเนินงานและฐานะการเงินไว้ได้ในระดับดี และสามารถบริหารจัดการแรงกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรได้ดีกว่าบริษัทหลักทรัพย์อื่นในประเทศไทย อัตรากำไรในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์น่าจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ฟิทช์เชื่อว่า ASP จะสามารถพัฒนาโครงสร้างรายได้ให้มีความหลากหลายมากขึ้นอีก จากการที่บริษัทได้ขยายการดำเนินงานไปในธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล (Wealth Management) และธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ASP ยังคงมีระดับหนี้สินในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 50% ในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา
การคงอันดับเครดิตภายในประเทศของ FSS สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทที่อยู่ในระดับปานกลาง ฐานะเงินทุนที่แข็งแกร่ง ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) ในระดับที่ไม่สูงมากนัก แหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่สมเหตุสมผล FSS ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดในด้านของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ค่อนข้างสูงที่ 5.4% ซึ่งเป็นลำดับที่ 4 ในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ของประเทศไทย ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี 2560 อย่างไรก็ตาม อัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยของบริษัทปรับตัวลดลงซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
ฟิทช์เชื่อว่าความสามารถในการทำกำไรของ FSS จะยังคงถูกจำกัดโดยอัตรากำไรของธุรกิจหลักทรัพย์ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการพัฒนาระบบซื้อขาย อย่างไรก็ตามฐานะเงินทุนที่แข็งแรงของบริษัทซึ่งสะท้อนได้จากอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ที่ 48.4% ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2560 รวมถึงสภาพคล่องที่อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถรับมือต่อความผันผวนทางธุรกิจในระยะสั้นได้ ฟิทช์เชื่อว่าการควบคุมความเสี่ยงของ FSS จะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้และระดับความเสี่ยงของสินทรัพย์ยังคงทรงตัว
การคงอันดับเครดิตภายในประเทศของ FNS สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวบริษัทเอง และสะท้อนถึงเครือข่ายทางธุรกิจที่ค่อนข้างเล็ก ความสามารถในการทำกำไรที่ผันผวน รวมทั้งฐานะเงินทุนและสภาพคล่องที่มีเสถียรภาพมากขึ้น การลงทุนในธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าน่าจะช่วยให้รายได้ของบริษัทมีความมั่นคงมากขึ้น ในขณะที่รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจยังคงเป็นหนึ่งในรายได้หลักที่เป็นตัวแปรต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
อัตราส่วนหนี้สินของ FNS ยังคงสูง แม้ว่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยในไตรมาส 1 ปี 2560 ฟิทช์มองว่าความสามารถในการชำระหนี้ของ FNS ขึ้นอยู่กับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและเงินปันผลรับและน่าจะอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ อย่างไรก็ตามกระแสเงินสดของบริษัทอาจปรับตัวลดลงต่ำกว่าคาดการณ์ได้หากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานปรับตัวแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทอาจเผชิญความเสี่ยงในการจัดหาแหล่งเงินกู้เพื่อทดแทนตราสารหนี้ที่ครบกำหนด (Refinancing Risk) เนื่องจากบริษัทมีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากตลาดทุน (wholesale funding) อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่าความเสี่ยงดังกล่าวจะถูกลดทอนลงจากการที่บริษัทมีวงเงินสินเชื่อที่ไม่สามารถยกเลิกได้ (Committed Line) จากธนาคาร กระแสเงินสดจากการดำเนินงานและฐานนักลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ฟิทช์อาจพิจารณาปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศของ ASP และ FSS ถ้าบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญอย่างต่อเนื่อง หรือมีสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากกว่าบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมหรือมากกว่าการคาดการณ์ของฟิทช์
อันดับเครดิตภายในประเทศของ FNS อาจได้รับการปรับลดอันดับ หาก FNS มีผลการดำเนินงานที่แย่กว่าคาดการณ์ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญปรับตัวแย่ลงอย่างมากโดยเฉพาะอัตราส่วนสภาพคล่องและอัตราส่วนหนี้สิน นอกจากนี้อันดับเครดิตอาจยังอาจได้รับผลกระทบในทางลบจากการลดสัดส่วนหนี้สินที่ไม่เป็นไปตามแผนอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจบ่งชี้ถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) ที่สูงขึ้น รวมทั้งผลการดำเนินงานที่ขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญของบริษัทลูกหรือบริษัทร่วม หรือสัญญาณการปรับตัวลดลงของความเชื่อมั่นของเจ้าหนี้ต่อบริษัท
ในทางกลับกัน ฟิทช์อาจพิจารณาปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ ASP และ FSS ถ้าบริษัทสามารถมีอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญที่ปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดวัฏจักรอุตสาหกรรมโดยบริษัทยังคงสามารถรักษาโครงสร้างความเสี่ยงและเครือข่ายทางธุรกิจให้มีเสถียรภาพต่อเนื่อง
อันดับเครดิตของ FNS อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากบริษัทสามารถดำเนินการตามแผนการชำระคืนเงินกู้ได้สำเร็จในขณะที่ความสามารถในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นอย่างยั่งยืนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินลดลงอย่างต่อเนื่อง
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit