"เอฟ เอ โอ ได้รับทราบถึงความแน่วแน่ของประเทศไทยที่ได้ดำเนินการในเรื่องต่างๆ ในด้านการทำประมง ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการตามแนวปฏิบัติโดยสมัครใจว่าด้วยมาตรการของรัฐเจ้าของธง เช่น ปรับปรุงการจดทะเบียนเรือและใบอนุญาต การควบคุมเรือประมงไทยไม่ให้ทำผิดกฎหมาย ทั้งในน่านน้ำไทยและน่าน้ำสากล และอยู่ระหว่างการจัดทำข้อตกลง (MOU) กับรัฐเจ้าของธงอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมาย รวมถึงดำเนินการตามแนวปฏิบัติโดยสมัครใจเพื่อสนับสนุนการทำประมงขนาดเล็กอย่างยั่งยืนเพื่อความมั่นคงอาหารและการขจัดความยากจน" พลเอกฉัตรชัย กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้แจ้งถึงความคืบหน้าของการเข้าร่วมโครงการขจัดปัญหาความอดอยากหิวโหยของประเทศไทย ซึ่ง ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้เข้าร่วมโครงการแล้วตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. 2559 โดยเป้าหมายโครงการฯ ของเอฟ เอ โอ ได้กำหนดให้ภายในปี 2568 (ค.ศ. 2025) ทั่วโลกบรรลุเป้าหมาย 5 ประการ คือ 1) การเข้าถึงอาหารได้ 100% 2) การหยุดภาวะแคระแกร็นในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี 3) ระบบอาหารทั้งหมดมีความยั่งยืน 4) การเพิ่มขึ้นของรายได้และผลิตผลของเกษตรกรรายย่อย 100% และ 5) การลดจำนวนการสูญเสียอาหารและการทิ้งขว้างอาหารให้เหลือศูนย์
อย่างไรก็ตาม ในการเข้าร่วมประชุมเอฟ เอ โอ ครั้งนี้ ยังมีโอกาสได้หารือระดับทวิภาคร่วมกับประเทศกลุ่มอาเซียน เช่น ประเทศลาว และฟิลิปปินส์ เพื่อชวนรัฐมนตรีจากกลุ่มประเทศอาเซียน เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 39 ระหว่างวันที่ 28-29 กันยายน 2560 ณ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประเทศไทยโดยกระทรวงเกษตรฯ เป็นเจ้าภาพแล้ว ยังได้หารือถึงความร่วมกันสนับสนุนการจัดตั้งทีมปฏิบัติการเฉพาะกิจที่คณะทำงานประมงอาเซียน เพื่อจะได้มีกลไกในการพัฒนานโยบายประมงร่วมอาเซียน ที่ชัดเจนและโปร่งใส ภายใต้การกำกับการดำเนินงานของคณะทำงานประมงอาเซียน ซึ่งจะมีการหารือในรายละเอียดร่วมกันในการประชุมรัฐมนตรีเกษตรอาเซียนด้วย และประเด็นสุดท้าย คือ การขยายความร่วมมือด้านวิชาการการเกษตร การแก้ไขปัญหาและลดอุปสรรคด้านการนำเข้า – ส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการค้าและการลงทุนสินค้าเกษตรระหว่างกันมากยิ่งขึ้นด้วย