นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (ZIGA) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กโครงสร้างประเภท Pre-zinc และท่อเหล็กร้อยสายไฟ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมในทุกๆ ด้านแล้ว ที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 130 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาส 3/2560 โดยได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯก่อนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียน
"การตัดสินใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัทฯ ที่จะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปซื้อที่ดิน สร้างโรงงาน และซื้อเครื่องจักรใหม่ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รองรับแผนขยายกำลังการผลิต เพื่อผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคงมากยิ่งขึ้น"นายศุภกิจกล่าว
ทั้งนี้ ในอนาคตบริษัทฯ บริษัทมีโครงการที่จะก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และเพิ่มพื้นที่สำหรับบริหารจัดการวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่ไม่เพียงพอในการเพิ่มเครื่องจักรใหม่รวมถึงไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะจัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปเพื่อรองรับการเติบโตของยอดขาย ดังนั้น บริษัทจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมการหาพื้นที่เพิ่มเติม ทั้งนี้ แผนการลงทุนของบริษัทมีมูลค่ารวมประมาณ 350.00 ล้านบาท
ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ZIGA เป็นบริษัทฯ ที่มีความน่าสนใจในการลงทุนอย่างมาก เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีมาโดยตลอด จึงถือเป็นอีกบริษัทฯ ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มในอนาคตที่ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีกมาก ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นได้ภายในไตรมาส 3/2560 สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 2557 มีกำไรสุทธิ 17.31 ล้านบาท ปี 2558 เพิ่มเป็น 68.60 ล้านบาท และในปี 2559 ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 226.13 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.89% , 9.95% และ 24.01% ตามลำดับ เนื่องจากจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น และเป็นผลจากการนำระบบ ERP มาใช้ในการบริหารจัดการ ส่งผลให้มีการมีการสูญเสียลดลง ประกอบกับต้นทุนทางการเงินเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้รวมมีแนวโน้มลดลง
ณ สิ้นปี 2559 บริษัทฯมีสินทรัพย์รวม 626.44 ล้านบาท หนี้สินรวม 311.10 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 315.34 ล้านบาททั้งนี้ บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน ณ วันที่ 28 ก.พ.2560 เท่ากับ 260 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 220 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญ 440 ล้านหุ้นการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้เป็นการจำหน่ายหุ้นเดิม 50 ล้านหุ้น และหุ้นเพิ่มทุน 80 ล้านหุ้น รวมเป็น 130 ล้านหุ้นซึ่งคิดเป็น 25% ของทุนจดทะเบียนของบริษัท โดยหุ้นเพิ่มทุน คิดเป็น 15.38% ของทุนจดทะเบียนของบริษัท จะทำให้บริษัทฯมีทุนชำระแล้วรวม 260 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 520 ล้านหุ้น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit