บล.กสิกรไทยคาดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง ท่องเที่ยว ลงทุนภาครัฐ และส่งออกฟื้น แต่การบริโภคและลงทุนภาคเอกชนยังชะลอ

31 Jul 2017
ตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน 2560 ออกมาเติบโตกว่าที่คาด มูลค่าการส่งออกแตะ 2 หมื่นล้านดอลล่าห์สหรัฐได้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี แต่รายได้ภาคเกษตรเริ่มชะลอตัวลง ตามรายได้นอกภาคเกษตรที่ติดลบตั้งแต่ต้นปี นักวิเคราะห์มองเป็นสัญญานแสดงถึงการฟื้นตัวแบบกระจุกตัว

ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิถุนายนที่ทยอยประกาศในช่วงที่ผ่านมา ยังส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ค่อนข้างกระจุกตัว ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เติบโตได้ 11% ได้แรงหนุนหลักจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน มาเลเซีย และตะวันออกกลาง สำหรับตัวเลขส่งออกที่โตขึ้น 11.7% ส่งสัญญาณที่ดีคือ มีมูลค่าการส่งออกแตะระดับ 2.0 หมื่นล้านดอลล่าห์สหรัฐ แต่การฟื้นตัวยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มยางพารา และฮาร์ดดิสก์ (HDD) ในขณะที่การส่งออกยานยนต์ และสินค้าแผนวงจรรวม (IC) เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี เรามองว่าการฟื้นตัวของส่งออกไทยน่าจะเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจาก 1) สัญญาณการชะลอตัวของสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาตลอดในช่วงครึ่งปีแรก 2)การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเริ่มชะลอตัวลงทั้งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ 3) ปัจจัยสนับสนุนเรื่องฐานต่ำจะเริ่มหายไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม เป็นต้นไป

สำหรับอุปสงค์ในประเทศยังได้รับปัจจัยกดดันจากรายได้นอกภาคเกษตรที่ไม่โตมาตั้งแต่ต้นปี (-1%ในช่วง 5 เดือนแรก) รวมถึงรายได้ภาคเกษตรที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง (อัตราการเติบโต 6% เมื่อเทียบกับ 19% ในช่วง 5 เดือนแรก) โดยจากแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรหลักคือ ข้าวและยางพาราในตลาดโลก น่าจะเป็นปัจจัยหลักที่กดดันให้รายได้เกษตรกรในช่วงครึ่งปีหลังชะลอตัวลงด้วย

หลักทรัพย์กสิกรไทย ยังมีมุมมองที่เป็นบวกกับการลงทุนภาครัฐ และเชื่อว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจะทำให้รัฐบาลเร่งการประมูลและการเบิกจ่ายโครงการลงทุนภาครัฐมากขึ้น สำหรับการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนนั้นยังเป็นไปอย่างช้าๆ โดย ดร. กำพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยสำคัญคือ ต้องเห็นพรบ.EEC ออกมาบังคับใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งน่าจะทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมาก และน่าจะส่งผลให้ FDI และการลงทุนภาคเอกชนตามมาเป็นลำดับ โดยจากการศึกษาของ บล. กสิกรไทย พบว่า เมื่อ FDI กลับมา จะเห็นการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนตามมาภายใน 3-4 ไตรมาส

สำหรับปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อในปีนี้ ด้วยราคาน้ำมันที่ชะลอตัวลง บล. กสิกรไทยเชื่อว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของปี 2017 น่าจะอยู่ที่เพียง 0.7-0.8% ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อทั่วไปต่ำกว่ากรอบล่างของกรอบเงินเฟ้อ (1-4%) เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และด้วยเงินเฟ้อที่ค่อนข้างต่ำ บวกกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึง อัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะถูกเก็บไว้ที่ระดับปัจจุบันที่ 1.5% ไปจนถึงกลางปี 2018 โดย บล.กสิกรไทยคาดว่า อัตราการเติบโตของ GDP ปี 2017 จะอยู่ทีระดับ 3.4-3.5% และ ปี 2018 อยู่ทีระดับ 3.6-3.7%