กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งดำเนินนโยบายกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐวงเงิน 20,000 ล้านบาท ขยายผลสู่ผู้ประกอบการกลุ่มแฟชั่น โดยหวังให้นำวงเงินไปพัฒนาธุรกิจเพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและสร้างมูลค่าได้มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าไตรมาส 2 - ต้นไตรมาสที่ 3 ปีนี้จะมีผู้ประกอบการในกลุ่มดังกล่าวเข้าขอสินเชื่อกองทุนประชารัฐไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาททั้งยังมุ่งหวังที่จะดันมูลค่าอุตสาหกรรมแฟชั่นเติบโต30 % หรือแตะระดับ 9 แสนล้านบาท ทั้งนี้ กสอ. ได้จัดประชุมชี้แจงรายละเอียดการขอสินเชื่อกองทุนให้แก่ผู้ประกอบการในเครือข่ายศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อประชาสัมพันธ์กองทุนให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแฟชั่นได้รับทราบและเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจทั้งด้วยการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และความสร้างสรรค์มากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะให้ก้าวสู่การเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงตามยุทธศาสตร์ชาติประเทศไทย 4.0 เมื่อเร็ว ๆ นี้
ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่ กสอ.ได้รับมอบหมายนโยบายจากรัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องมาตรการการพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้วยการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐวงเงิน 20,000 ล้านบาท รวมทั้งการวางกรอบวงเงินและเป้าหมายการให้ความช่วยเหลือส่งเสริมสนับสนุนเอสเอ็มอีนั้น ขณะนี้ได้ทยอยอนุมัติสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs แล้ว จำนวน 128 ราย ทั่วประเทศ วงเงิน 383,540 ล้านบาท โดยความคืบหน้าล่าสุด กสอ. ยังได้จัดการประชุม ชี้แจงรายละเอียดการขอสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแฟชั่น ในเครือข่ายศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Thailand Industrial Design Center : Thai IDC) โดยมีเป้าหมายเพื่อประชาสัมพันธ์กองทุนให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแฟชั่นรับทราบและเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อพัฒนาธุรกิจ ทั้งยังมุ่งหวังจะให้อุตสาหกรรมดังกล่าวได้นำงบประมาณไปปรับปรุงธุรกิจด้วยการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และความสร้างสรรค์มากขึ้น ซึ่งในอนาคตวงเงินเหล่านี้ยังจะช่วยพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานและเป็นที่ต้องการของตลาดในระดับต่าง ๆ ได้ต่อไป
ดร.พสุ กล่าวเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นนับเป็น 1 ในอุตสาหกรรมที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือของกองทุนฯ เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงและยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพ สามารถเชื่อมโยงและพัฒนาไปสู่กลุ่ม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลในชุดปัจจุบันได้ ซึ่ง กสอ.มีจุดมุ่งหมายที่หวังจะให้ผู้ประกอบการที่มีความสนใจเข้าร่วมกองทุนได้นำวงเงินดังกล่าวไปพัฒนาธุรกิจ เพื่อให้ก้าวสู่การเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงตามยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศไทยที่สอดคล้องตามนโยบาย Thailand 4.0 โดยกองทุนนี้ยังจะเป็นกองทุนที่ช่วยเติมเต็มให้ SMEs ที่มีอุปสรรคไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนปกติ ได้มีเงินทุนที่จะสามารถพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพเพียงพอที่จะเข้าสู่ระบบการเงินปกติของสถาบันการเงินเอกชนต่อไป ทั้งยังจะทำให้ SMEs ในกลุ่มแฟชั่นสามารถเป็นฐานการจ้างงาน การสร้างรายได้ ตลอดจนเป็นหนึ่งในฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศในอนาคต
ดร.พสุ กล่าวเสริมว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ กสอ.ได้จัดประชุมชี้แจงรายละเอียดการขอสินเชื่อกองทุนให้แก่ผู้ประกอบการในเครือข่ายศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อประชาสัมพันธ์กองทุนให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแฟชั่นได้รับทราบและเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจทั้งด้วยการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น โดยมีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังนโยบายกองทุนข้างต้นกว่า 50 ราย ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวได้ใช้ศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นหน่วยงานกลางสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเครือข่ายต่าง ๆ ที่ให้บริการด้านการส่งเสริมการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งผลักดันให้ผู้ประกอบการ SMEs เห็นความสำคัญของการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีหน่วยงานร่วมเป็นเครือข่ายกว่า 50 หน่วยงาน นอกจากนี้ยังได้มีการจัดประชุมเครือข่ายศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อระดมข้อคิดเห็นและแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานศูนย์ออกแบบฯ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของ SMEs ได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ซึ่งหน่วยงานเครือข่ายต่างเห็นชอบร่วมกันที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐและศูนย์ช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดตั้งขึ้น โดยหน่วยงานเครือข่ายศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์จะเข้าไป ต่อยอดกับผู้ประกอบการ SMEs ที่ขอรับการบริการจากศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอี หรือผู้ที่ได้รับสินเชื่อสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ โดยเฉพาะสินเชื่อที่จะนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองจะได้รับการปรึกษาแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และนักออกแบบของหน่วยงานเครือข่ายศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในพื้นที่นั้นๆ เพื่อปรับปรุง ยกระดับการผลิต การสร้างสรรค์พัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้เป็นที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด หรือสร้างมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ หลังจัดการจัดประชุมชี้แจงรายละเอียดการขอสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแฟชั่นในครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นเข้าขอสินเชื่อในวงเงินไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ในช่วงระยะไตรมาสที่ 2 จนถึงช่วงต้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 ทั้งยังเชื่อมั่นอีกว่ากองทุนดังกล่าวนี้จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยส่งเสริมที่ช่วยให้อุตสาหกรรมแฟชั่นสามารถเติบโตขึ้นได้กว่า 30 % หรือแตะระดับหลัก 9 แสนล้านบาท และทะลุหลัก 1 ล้านล้านบาทภายในระยะไม่เกินห้าปีนี้ ดร.พสุ กล่าวปิดท้าย
สำหรับผู้ประกอบการที่มีความสนใจรายละเอียดกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือ ศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ กองพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา 1 ถนนพระรามที่ 4 เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โทร 02 367 8201, 02 367 8227 และ ติดตามข้อมูล ข่าวสาร โครงการต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ที่www.dip.go.th หรือ facebook.com/dip.pr