เปิดใจ “ริกะ อิชิเกะ” หวังผลักดันความนิยมในศิลปะการต่อสู้ของผู้หญิงในเอเชีย

07 Aug 2017
ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าริกะ อิชิเกะยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย เธอจะต้องมีความโดดเด่นกว่าใครด้วยความที่มีรูปร่างหน้าตางดงามแบบสาวเอเชียแท้ๆ
เปิดใจ “ริกะ อิชิเกะ” หวังผลักดันความนิยมในศิลปะการต่อสู้ของผู้หญิงในเอเชีย

ริกะมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาอย่างมากจนพูดได้ว่าเธอสามารถขึ้นปกนิตยสารแฟชั่นชั้นนำ เดินบนรันเวย์แคทวอร์คในเสื้อผ้าเทรนด์ล่าสุด หรือเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมความงามระดับไฮเอนด์ทางโทรทัศน์ได้สบายๆ

อย่างไรก็ตาม อิชิเกะไม่ได้มีเพียงวงหน้าที่สวยสะดุดตาเท่านั้น หากตัวตนที่แท้จริงของเธอคือการเป็นนักกีฬาศิลปะการต่อสู้ระดับมืออาชีพ

สาวสวยคนนี้เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ปัจจุบันอายุ 28 ปี เธอเกิดในครอบครัวที่หลงใหลในศิลปะการต่อสู้ พ่อของเธอซึ่งเสียไปแล้วเป็นนักยูโด ส่วนพี่สาวเป็นอายุรแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนกีฬาเทควันโด

ริกะได้รับอิทธิพลมาจากพ่อของเธออย่างมาก เธอจึงเริ่มฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวทั้งไอคิโด คาราเต้ และเทควันโดตั้งแต่อายุ 9 ขวบ

"ฉันเริ่มฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อายุน้อย ตอนนั้นคิดว่าต้องการท้าทายตนเอง จึงเริ่มฝึกคาราเต้ เทควันโด และไอคิโดไปพร้อมกัน" ริกะเผย

แต่เธอก็เป็นเหมือนเด็กทั่วไปที่เมื่อเติบโตขึ้นก็ต้องพักการฝึกศิลปะการต่อสู้ไว้ก่อน เพื่อให้ความสำคัญกับการศึกษาแทน ถึงแม้เธอจะไม่สามารถให้เวลากับการฝึกซ้อมได้ แต่เธอก็ยังให้ความสนใจกับกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (mixed martial arts หรือ MMA) ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นจากการถ่ายทอดทางโทรทัศน์และเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต เสน่ห์ของกีฬา MMA ที่เปี่ยมด้วยการแสดงเทคนิคอันน่าตื่นตาตื่นใจและธรรมชาติของการแข่งขันที่ดุเดือด ทำให้เธอหวนกลับมาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อีกครั้ง

ซึ่งคาราเต้และไอคิโดไม่สามารถตอบสนองต่อความกระหายในการเรียนรู้ที่เพิ่มสูงขึ้นได้ หรือพูดง่ายๆก็คือ เธอต้องการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่เข้มข้นยิ่งขึ้น

ริกะฝึกปรือทักษะการเป็นนักศิลปะการต่อสู้ด้วยการผสมผสานรูปแบบการต่อสู้ที่แตกต่างกัน กระทั่งเข้าสู่สนามแห่งการต่อสู้แบบผสมผสานหรือ MMA อย่างเต็มตัว

ริกะที่มีสมญานามว่า "ตุ๊กตาตัวน้อย" หรือ "Tinydoll" เนื่องจากมีรูปร่างเล็ก เตรียมขึ้นเวทีต่อสู้เป็นครั้งที่ 3 ในการแข่งขันที่จัดโดย ONE Championship กับนักต่อสู้หน้าใหม่ชาวฟิลิปปินส์ที่มีชื่อว่าโจมารี ตอร์เรสในรายการ ONE: KINGS & CONQUERORS ซึ่งจะระเบิดความมันในโคไท อารีน่า สนามกีฬาชื่อดังที่ตั้งอยู่ในโรงแรมเวเนเชียน มาเก๊า สาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 5 สิงหาคมนี้

"นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน MMA ที่จัดโดยบริษัทโปรโมเตอร์ที่ยิ่งใหญ่สุดในโลกอย่าง ONE Championship ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับโอกาสนี้ ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อครอบครัวและเพื่อคนไทยทุกคนด้วย" ริกะกล่าว

ด้วยการสวมนวมขนาด 4 ออนซ์ของ MMA ขึ้นชก ริกะมองว่านี่คือเกียรติยศและความภาคภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยเข้าแข่งขัน ONE Championship ซึ่งได้รับการยกย่องในวงกว้างว่าเป็นองค์กรกีฬาชั้นนำของเอเชีย

"ตอนแรก ฉันไม่รู้สึกถึงความกดดันแม้แต่น้อยในฐานะที่เป็นผู้หญิงไทยคนแรกที่ขึ้นชกในกรงบนเวที MMA เพราะฉันมีความเชื่อมั่นในตนเองและมั่นใจในความสามารถของตนเอง ฉันคิดว่าสามารถรับมือกับการต่อสู้ครั้งนี้ได้ แต่แล้วฉันกลับกลายเป็นที่สนใจอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถแสร้งทำเป็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างดูง่ายดายได้อีกแล้ว" ริกะกล่าวติดตลก

"ครอบครัวของฉันจะเดินทางไปชมด้วย คนไทยเกือบทั้งประเทศก็จะดูด้วยเช่นกัน การต่อสู้ไฟต์นี้จึงต้องชนะสถานเดียว แน่นอนว่าฉันจะทำให้ดีที่สุด" ริกะกล่าวเพิ่มเติม

ริกะไม่คิดว่าจะมีอุปสรรคใดๆ บนเส้นทางสู่โลกแห่งการต่อสู้แบบผสมผสานของ MMA เนื่องจากเธอเชื่อว่าเธอมีความพร้อมเต็มที่สำหรับการปฏิบัติภารกิจตรงหน้า

"ฉันหลงใหลในศิลปะการต่อสู้ จึงมีความสุขอย่างมากเมื่อได้แบ่งปันและเรียนรู้สิ่งใหม่เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้กับคนอื่น ฉันได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้างในการฝึกซ้อม ซึ่งทำให้ฉันเข้มแข็งมากขึ้นและมีความพร้อมสำหรับไฟต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้" สาวสวยกล่าวยืนยัน

ถึงแม้เป้าหมายหลักของริกะจะอยู่ที่การคว้าชัยชนะครั้งที่ 3 ติดต่อกันในฐานะนักต่อสู้ระดับมืออาชีพ แต่เธอก็ยังต้องการเป็นกระบอกเสียงที่ช่วยยกระดับพลังสตรีด้วยการทะลายกำแพงที่แบ่งแยกเพศ

ริกะเน้นย้ำว่า การต่อสู้ MMA ระดับมืออาชีพครั้งที่ 3 ของเธอควรจะเป็นเหมือน "ก้าวกระโดด" สำหรับผู้หญิงที่จะเข้าใจว่าพวกเธอสามารถทำอะไรก็ได้ถ้ามีความมุ่งมั่นและตั้งใจอย่างแท้จริง

"ศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องของผู้ชายเท่านั้น มีผู้หญิงไทยมากมายที่ขึ้นเวทีต่อสู้หลากหลายรูปแบบในประเทศไทย ทั้งมวยไทย เทควันโด คาราเต้ และแขนงอื่นๆ อีกมากมาย ตัวฉันเองเป็นเหมือนตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงสามารถต่อสู้ได้" ริกะกล่าว "สังคมแห่งศิลปะการต่อสู้ให้การต้อนรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ มีรูปร่างเล็กหรือตัวสูงใหญ่" "หลายคนไม่เข้าใจในศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน พวกเขาคิดว่ามันไม่มีกฎกติกาและป่าเถื่อน" ริกะอธิบายเพิ่มเติม "ริกะต้องการแสดงให้พวกที่คิดแบบนั้นเห็นว่าเขาคิดผิด เพราะนี่คือกีฬาจริงๆ ริกะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่สามารถต่อสู้บนเวทีที่จัดโดยองค์กรระดับโลก การต่อสู้ไม่ใช่เรื่องโหดร้าย แต่อยู่ที่เทคนิค"

ริกะตื่นเต้นที่ได้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับนักต่อสู้ชั้นนำอย่างแองเจล่า ลี เจ้าของฉายา "Unstoppable" แชมป์โลกอะตอมเวตของ ONE Women, เม "V.V" ยามากูชิ, อิสเตล่า นูเนส, จีน่า อิเนียง, เจนน่า หวง และแอน "Athena" ออสแมนในวงการ MMA ของผู้หญิงที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในเอเชีย

"ปัจจุบัน นักต่อสู้ผู้หญิงในเอเชียมีเวทีมากมายให้เลือกแสดงทักษะและศักยภาพซึ่งจัดโดยองค์กรระดับโลกอย่าง ONE Championship แองเจล่า, แอน และอีกหลายคนบุกเบิกเส้นทางสำหรับนักต่อสู้ผู้หญิงคนอื่นๆ อย่างตัวฉัน ซึ่งฉันมายืนอยู่ตรงจุดนี้เพื่อสานต่อสิ่งที่พวกเขาทั้งหลายได้เริ่มต้นไว้" ริกะกล่าว

ถึงแม้ว่าความเท่าเทียมทางเพศจะยังคงเป็นประเด็นร้อนที่ต้องถกเถียงกันต่อไป แต่ริกะเชื่อว่าศิลปะการต่อสู้คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะช่วยลดกำแพงดังกล่าวลง

ริกะคิดว่าการได้เห็นผู้หญิงประสบความสำเร็จในกีฬาที่ถูกมองว่าเป็นของผู้ชายในตลอด 20 ปีที่ผ่านมานั้นคือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

"ฉันต้องการเดินหน้ารณรงค์เพื่อทุกคนที่ยังไม่เข้าใจในความสวยงามของกีฬาประเภทนี้ ศิลปะการต่อสู้ไม่ได้อยู่ที่การสู้กัน แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือการสนับสนุนพลังของผู้ชายและผู้หญิง เราได้เห็นแล้วว่าผู้หญิงทำอะไรได้บ้างในการต่อสู้ในกรงบนเวที นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะปลดปล่อยศักยภาพของเราในกีฬาชนิดนี้อย่างเต็มที่"

ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การต่อสู้ MMA ของผู้หญิงเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการแข่งขันที่ไม่มีใครสนใจสู่การได้รับความนิยมสูงอย่างรวดเร็วจนกระทั่งหลายคนอาจตามไม่ทันด้วยซ้ำไป

กีฬาที่เคยเป็นของนักต่อสู้ผู้ชายเท่านั้นต้องหลีกทางให้นักต่อสู้ผู้หญิงที่มีทักษะอันยอดเยี่ยมทัดเทียมกันด้วยลีลาที่กระตุ้นฮอร์โมนเทสทอสเทอโรนให้พุ่งกระฉูด ซึ่งบางครั้งการต่อสู้ของผู้หญิงให้ความสนุกเร้าใจมากกว่าผู้ชายเสียอีก

หลายปีแล้วที่พวกเธอเคยถูกพูดถึงไว้ว่า "สู้ได้ไม่ดีเพียงพอ" และที่ว่า "ไม่มีผู้หญิงมากพอที่จะมีเวทีการแข่งขันจริงจัง" แต่ปัจจุบัน ผู้หญิงก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญบนเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของ MMA ได้แล้ว

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ชื่อเสียงด้านลบของผู้หญิงที่เข้าแข่งขันกีฬาการต่อสู้จะเริ่มลดลงไปทีละน้อย แต่ริกะชี้ว่ายังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำเพื่อขจัดชื่อเสียงด้านลบดังกล่าวออกไปให้หมดอย่างสิ้นเชิง

"เราต้องเปิดโอกาสมากกว่านี้ ฉันคิดว่ามีผู้หญิงรุ่นใหม่มากมายที่อาจมีความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาประเภทนี้ เราต้องการการสนับสนุนจากผู้ชายและผู้หญิงเพื่อส่งเสริมให้พวกเธอเข้ารับการฝึกฝน" ริกะเผย

ริกะไม่เพียงมีความมุ่งมั่นเปิดมุมมองใหม่ให้ผู้ที่สนใจและนำเสนอโลกของศิลปะการต่อสู้เอเชียให้แก่คนที่ชื่นชอบอยู่แล้วเท่านั้น แต่เธอยังต้องการแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจสูงสุดของผู้หญิงบนเวทีระดับโลกอย่าง ONE: KINGS & CONQUERORS

"ปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จคือความมั่นใจในตนเอง และกุญแจสู่ความมั่นใจในตนเองอยู่ที่การเตรียมความพร้อม และฉันพร้อมเต็มที่สำหรับไฟต์นี้ ถ้าฉันมีการเตรียมพร้อมที่ดีก็จะสามารถต่อสู้กับใครก็ได้ และแน่นอนว่าฉันสามารถลงจากเวทีพร้อมกับชัยชนะ" สาวสวยนักสู้กล่าวปิดท้าย

HTML::image( HTML::image(