นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และธุรกิจพลังงานประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลประกอบการงวด 3 เดือนประจำไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมจำนวน 1,218.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 633.86 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 108.49 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีรายได้รวมจำนวน584.27 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 2/2560 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 74.93 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.094 บาท เพิ่มขึ้น 72.68 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3230.22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 2.25 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.003 บาท และถือว่าปรับเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2559 ที่บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิรวม 36.73 ล้านบาท
การปรับเพิ่มขึ้นของผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/2560 ส่งผลให้ผลประกอบการในครึ่งแรกของปี 2560 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ลดลงไม่มากนักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าในไตรมาสที่ 1/2560 บริษัทจะมีผลประกอบการขาดทุนกว่า 36 ล้านบาท โดยในงวด 6 เดือนแรกสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2560 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 38.19 ล้านบาท ลดลงจำนวน 12.88 ล้านบาท หรือร้อยละ 25.22
ทั้งนี้ ในงวด 6 เดือนแรกของปี บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมจำนวน 1,870.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.14 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.98 เมื่อเทียบกับรายได้จำนวน 1,852.49 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการจำหน่ายเหล็กมูลค่า 876.76 ล้านบาท ลดลงจำนวน 51.26 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.73 เมื่อเทียบกับปี 2559 เนื่องจากปริมาณการขายสินค้าลดลงแต่ราคาขายต่อหน่วยเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6.42 รับรู้รายได้จากบริษัทย่อยจำนวน 915.39 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าในต่างประเทศจำนวน 10 โครงการ และในประเทศ 1 โครงการกำลังการผลิตรวม 43.411 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่า 249.22 ล้านบาท รายได้จากการจำหน่ายสินค้าจำนวน 666.17 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีรายได้จากบริษัทย่อยรวม 820.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.56 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.52 เนื่องจากในไตรมาสที่ 2/2560 มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1 โครงการ กำลังการผลิต 11.7 เมกะวัตต์อย่างไรก็ตาม ในครึ่งแรกปี 2560 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการย้ายสถานประกอบการและ จากการศึกษาและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในอนาคต รวมทั้งภาษีจ่ายเพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนแรกลดลงดังกล่าว
"ปีนี้อุตสาหกรรมเหล็กแท่งยาว หรือ Steel Billet ในประเทศปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือนแรกของปี จากการใช้มาตรฐาน มอก.เข้ามาควบคุมคุณภาพเหล็กนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เหล็กคุณภาพต่ำเข้ามาในตลาดไทยได้ยากขึ้น โดยพบว่า CHOW เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเหล็กต้นน้ำเข้ามาหนาแน่นขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะสนับสนุนให้ธุรกิจเหล็กฟื้นตัวในทิศทางเดียวกัน ประกอบกับในปีนี้จะรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานเข้ามาเพิ่มจากโครงการที่เริ่มขายไฟในไตรมาสแรกของปี และจากโครงการใหม่ที่จะสร้างเสร็จและพร้อมขายไปในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะสะท้อนให้ผลประกอบการของ CHOW ในปีนี้กลับมาเติบโตโดดเด่นได้อีกครั้ง ตามแผนงานที่ได้วางไว้" นายอนาวิล กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit