ซึ่งภายในงานสัมมนาได้รับเกียรติจากกูรูด้านดิจิทัลระดับโลกมากกว่า 200 ท่าน ร่วมเป็นวิทยากรเพื่อแบ่งเป็นความรู้ และไอเดียใหม่ๆ ในหัวข้อต่างๆที่น่าสนใจ อาทิเช่น เทรนด์ของ FinTech (Financial Technology) กลุ่มธุรกิจที่นำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการบริการทางการเงินและการลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึง การพูดคุยในประเด็น Digital Transformation และ UrbanTech (Urban Technology) เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตให้กับองค์กรภาครัฐและเอกชน
ซึ่ง มร. เค ชิมาดะ ผู้อำนวยการด้านนวัตกรรม และการพัฒนาธุรกิจโกลบอล จาก เดนท์สุ อิงค์, และ Global Chief Lab Officer จาก dX lab ร่วมเป็นวิทยากรรับเชิญโดยให้ความรู้เกี่ยวกับการนำเอาเทคโนโลยี นวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในโลกของการทำธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัลอีกด้วย โดยได้พูดคุยเกี่ยวกับ การผสานเทคโนโลยีรวมเข้ากับนวัตกรรมดิจิทัลโดยการนำเอาเครื่องมือวัดคลื่นสมอง "Emotion Analyzer" นวัตกรรมที่สามารถวัดผลความรู้สึกของบุคคลได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเครื่องมือดังกล่าวถูกพัฒนาเพื่อนำมาเป็นส่วนสำคัญเพื่อส่งเสริมกลยุทธ์ทางการตลาด เรียกว่า การตลาดประสาทวิทยา (Neural marketing)
เครื่องมือดังกล่าวสร้างขึ้นจากการใช้ศาสตร์ในเรื่องเทคโนโลยีนูโร (Neuro Technology) หรือ เทคโนโลยีการศึกษาสมอง จิตใต้สำนึก ความคิด และกิจกรรมต่างๆ ที่สมองทำงานและสั่งการนำมาวัดความรู้สึกและอารมณ์ของมนุษย์ โดยจะวิเคราะห์ผลจากคลื่นสมองของผู้ที่สวมใส่เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ รวมถึงการช่วยให้แบรนด์ต่างๆสามารถรับรู้แล้วเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าในเชิงลึกได้ และนอกจากนี้ กลุ่มเครือข่ายการพัฒนานวัตกรรมของเดนท์สุฯ (Dentsu innovation network) มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมที่สามารถเชื่อมต่อเทคโนโลยีที่มีอยู่ให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง
โดยในปีนี้ dX lab ประเทศไทยได้ร่วมมือกับเดนท์สุ อิงค์ ประเทศญี่ปุ่น และ พันธมิตรด้านเทคโนโลยี นำเอาโปรเจกต์ใหม่ล่าสุด มาร่วมจัดแสดง โดยมีไฮไลท์พิเศษจาก มร. ริวทาโร่ เซกิ ผู้อำนวยการอาวุโสส่วนงานครีเอทีฟ บริษัท เดนท์สุ เอ็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมโชว์ผลงานเพื่อเปิดโลกการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ผ่านแอปพลิเคชั่นเกมส์ 'GLICODE' แอปพลิเคชั่นสอนการเขียนโปรแกรมเบื้องต้นสุดสนุกสำหรับเด็กวัย 6 ขึ้นไป โดยเด็กๆ สามารถหัดเขียนโปรแกรมและฝึกการคิดอย่างเป็นระบบจากการปฏิบัติจริงด้วยขนมยอดนิยม "ป็อกกี้" จากกลูลิโกะ 'GLICODE' ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้เด็กๆ เข้าใจง่าย เพลิดเพลิน และได้โต้ตอบกับแอปพลิเคชั่นได้โดยใช้เทคโนโลยีเสริมประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็กๆและช่วยให้เข้าถึงโลกดิจิทัลมากยิ่งขึ้น
โดยแอปพลิเคชั่นเกมส์ GLICODE ถูกยกย่องและได้รับการยอมรับจากวงการครีเอทีฟเป็นอย่างมาก นับเป็นครั้งแรกในการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการประยุกต์เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่เด็กๆ ทำให้แอปพลิเคชั่นเกมส์ GLICODE ได้รับรางวัลต่างๆมากมาย อาทิเช่น Cannes Lions, One Show และ Adfest 2017 เป็นต้น โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเกมส์ GLICODE ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเพื่อทดลองได้ที่ http://cp.glico.jp/glicode/en/
นอกจากนี้ dX lab ยังนำ 'Smart Shelf' ชั้นวางสินค้าอัจฉริยะ มาจัดแสดงในงานนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อสร้างประสบการณ์การชอปปิงที่สนุกสนานและมีสีสันมากยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยีที่น่าสนใจตัวนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย Dentsu MakerLab กลุ่มบริษัท เดนท์สุ อิจีส เน็ตเวิร์ค ประเทศโปแลนด์ ร่วมมือกับ dX lab ประเทศไทย โดยกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อนำไปประยุกต์ใช้งานจริง โดยรูปแบบของชั้นวางสินค้าอัจฉริยะนี้จะมีเซนเซอร์ติดอยู่ที่ตัวสินค้าในร้านค้าต่างๆ โดยสามารถให้ข้อมูลสินค้ากับลูกค้าผ่านหน้าจอแสดงผล เพียงแค่ลูกค้าหยิบสินค้าขึ้นมาหรือพลิกสินค้า จอดังกล่าวสามารถแสดงข้อมูลสินค้า หรือแสดงโฆษณาสินค้าของชิ้นนั้นๆได้ทันที หรือหากลูกค้าต้องการเปรียบเทียบข้อมูลสินค้าระหว่างสินค้าสองชิ้นก็สามารถทำได้ เพียงแค่หยิบสินค้าทั้งสองชิ้นขึ้นมาเขย่าเบาๆ หน้าจอประมวลผลสามารถแสดงการเปรียบเทียบคุณสมบัติของสินค้า ราคา และ รายละเอียดสินค้าต่างๆได้ ถือเป็นการสร้างจุดเด่นให้กับสินค้าและเพิ่มอำนาจการตัดสินใจในการซื้อสินค้านั้นๆให้ง่ายยิ่งขึ้น ถือได้ว่า 'Smart Shelf' ได้นำเอาเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้ง dX lab ยังได้โชว์ 'LiveLike VR' โดยเราสามารถดูการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา เช่น ฟุตบอลให้มันส์ยิ่งขึ้นผ่านเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) ให้ความรู้สึกเสมือนเข้าไปนั่งดูการแข่งขันที่สนามจริงอยู่ในสถานที่ตามที่แว่นฉายจริงๆ มองรอบทิศทางได้ 360 องศา เพื่อเปิดประสบการณ์เทคโนโลยีล้ำจินตนาการ นอกจากนี้ 'LiveLike VR' ยังสามารถเป็นช่องทางหนึ่งเพื่อทำการสื่อสารการตลาดที่จะช่วยให้แบรนด์ต่างๆสามารถเข้าถึงกล่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการนำเอาเทคโนโลยี VR มาต่อยอดธุรกิจทำให้ผู้บริโภคเกิดความประทับใจในตัวสินค้า และ content ต่างๆได้มากยิ่งขึ้น
อนึ่ง งานเทคซอส โกลบอล ซัมมิท 2017 จัดขึ้นโดยบริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด เป็นงานสัมมนา ด้านเทคโนโลยีระดับภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รวบรวมสุดยอดข้อมูลข่าวสาร ผู้ประกอบการ นักการตลาด นักลงทุน ภาครัฐ สื่อมวลชน Tech Startup จากทั่วทุกมุมโลกโดยงานสัมมนาดังกล่าว จัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างที่ 28-29 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit