นางสุปริญา ภู่ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ งวด 3 เดือนประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 39.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น 346.58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.88 ล้านบาท และมีรายได้จากการขาย และบริการรวม 475.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117.39 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 32.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย และบริการอยู่ที่ 358.29 ล้านบาท
สำหรับงวด 6 เดือน ของปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 932.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 201.69 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น 27.59% มีกำไรสุทธิงวด 6 เดือน เท่ากับ 45.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น 29.58%เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559
โดยทั้งกำไรสุทธิ และรายได้จากการขาย และบริการในไตรมาสที่ 2 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจชิ้นส่วนหนังสำหรับเบาะรถยนต์จากลูกค้าเดิมที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของตลาดส่งออกรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงบริษัทฯได้รับยอดคำสั่งซื้อชิ้นส่วนหนังสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่จำนวน 4 รุ่น ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ 2 รายจากประเทศญี่ปุ่น และที่สำคัญบริษัทมีรายได้สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานโดยการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้จำนวน 11.76 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทย่อยแห่งหนึ่งของบริษัทมีกำไรจากการยกหนี้จากสถาบันการเงินในจำนวน 9.86 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนการผลิตของบริษัทฯปรับตัวลดลงเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบหนังลดลงจากการสั่งซื้อวัตถุดิบจากแหล่งผู้ขายวัตถุดิบโดยตรง
ส่วนความคืบหน้าของการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลกำลังผลิต 9.6 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท โคกเจริญ กรีนเอ็นเนอร์ยี จำกัด หรือ KE ซึ่งบริษัท ชัยวัฒนา กรีน เพาเวอร์ จำกัด หรือ CWTG ในฐานะบริษัทย่อยของCWT เข้าลงทุน และดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งในปัจจุบันการดำเนินงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล KEภาพรวมของโครงการมีความก้าวหน้าไปมากกว่าร้อยละ 50 ซึ่งจะสามารถดำเนินการติดติดตั้งเครื่องจักร และอุปกรณ์ รวมถึงงานไฟฟ้าและงานระบบ ภายในเดือนมกราคม 2561 และคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และสามารถเริ่มทดลองเดินเครื่องกำลังการผลิตได้ภายในเดือนมีนาคม 2561 เป็นไปตามกรอบแผนงานที่กำหนดไว้ และจะสามารถดำเนินการจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD ได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2561
"ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่เรามีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยธุรกิจชิ้นส่วนหนังก็มีออเดอร์จากรถรุ่นใหม่ ๆ จากผู้ผลิตรถยนต์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้เรามีรายได้ที่แน่นอน ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนก็สามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีในปีนี้ ซึ่งจะเป็นอีกส่วนที่สำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับเรา ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เราเข้าไปลงทุนก็อยู่ในกรอบเวลาที่ได้วางไว้ ซึ่งเราเองก็พร้อมที่จะหาโอกาสสำหรับการลงทุนด้านพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง" นางสุปริญากล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit