เมื่อ โรลส์-รอยซ์ เปิดตำนานบทใหม่ รถยนต์รุ่น นิว แฟนธอม (New Phantom) จึงกลายเป็นผู้สร้างแนวทางสู่อุตสาหกรรมรถยนต์หรูระดับโลก เป็นผลงานการสร้างสรรค์ความงามและขุมพลังที่เป็นเลิศ รวมถึงการเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งและความสำเร็จแห่งชีวิตที่ยิ่งใหญ่ เพราะ นิว แฟนธอม คือสุดยอดยานยนต์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งมาตรฐานขั้นสูงและงานศิลป์ชิ้นเอกที่หลอมรวมความปรารถนาส่วนตัวของนักขับ โรลส์-รอยซ์ ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด กล่าว
ความโดดเด่นของ นิว แฟนธอม
บทนำ
หลังจากที่ เซอร์เฮนรี่ รอยซ์ นำเสนอ โรลส์-รอยซ์ แฟนธอม ในปี ค.ศ. 1925 รถยนต์รุ่นนี้ก็ได้รับการยกย่องให้เป็น "รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก" ใน หมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ และได้ทำหน้าที่รับใช้บุรุษและสตรีผู้ทรงอำนาจสูงสุดของโลกจำนวนหลายคนในโอกาสสำคัญมากมายตลอดระยะเวลา 92 ปีที่ผ่านมา
รถยนต์แฟนธอมทุกรุ่นที่เปิดตัวหลังจากนั้น ต่างประสบความสำเร็จ และได้รับฉายา "รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก" ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของความพยายามที่ไม่สิ้นสุดของ โรลส์-รอยซ์ ในการแสวงหาความสมบูรณ์แบบ วิสัยทัศน์ ระบบวิศวกรรม ความเด่นชัดด้านสุนทรียศาสตร์ และความเข้าใจที่ลึกซึ้งของสิ่งที่รถยนต์ระดับหรูชั้นนำของโลกควรจะเป็น ดังนั้น โรลส์-รอยซ์ จึงคิดค้นนวัตกรรมมาตลอดระยะเวลากว่าศตวรรษ เพื่อสร้างมาตรฐานขั้นสูงและมอบความพึงพอใจแก่นักขับระดับสูงที่มีรสนิยมอันหรูหรา
วันนี้ มาตรฐานใหม่กำลังจะเกิดขึ้นกับการเปิดตัว นิว แฟนธอม (New Phantom) ยานยนต์แฟนธอมรุ่นที่ 8 รถยนต์รุ่นนี้มิได้เพียงแค่เกิดจากการตีความงานออกแบบยานยนต์แฟนธอมและความเป็นเลิศด้านเทคนิคด้วยแนวทางใหม่เพื่อสร้างดีไซน์แบบร่วมสมัยในทุกรายละเอียดเท่านั้น หาก โรลส์-รอยซ์ ได้ทำการปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์ระดับหรูของตนเองด้วยการฉีกแนวทางใหม่ จากการใช้สายการผลิตร่วมกับรถยนต์รุ่นอื่น มาเป็นการสร้างสายการผลิตรถยนต์ระดับหรูใหม่เป็นของตนเองทั้งหมด
เมื่อ โรลส์-รอยซ์ เปิดตำนานบทใหม่นี้ รถยนต์รุ่น นิว แฟนธอม จึงกลายเป็นผู้สร้างแนวทางสู่อุตสาหกรรมรถยนต์หรูระดับโลก
มร. ปีเตอร์ ชวาเซนโบเออร์ ประธานกรรมการของโรลส์-รอยซ์ และสมาชิกบอร์ดบริหารของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป กล่าวว่า "การเปิดตัวรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ รุ่นใหม่ครั้งแรกของโลก ถือเป็นโอกาสที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป เราให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้อย่างมากเนื่องจากออล-นิว แฟนธอม นี้เป็นสุดยอดยานยนต์ของแบรนด์โรลส์-รอยซ์ และเป็นรถยนต์ระดับหรูชั้นนำของโลก นิว แฟนธอม คือการนำเสนอรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยพลังทั้งในด้านงานดีไซน์ ระบบวิศวกรรม และความเชี่ยวชาญของรถยนต์สั่งทำพิเศษ ซึ่งผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับกระแสตอบรับที่เราได้จากนักขับผู้มีรสนิยมระดับสูงทั่วโลก ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปจะมุ่งมั่นรับผิดชอบต่ออนาคตของโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส อย่างเต็มที่ และรู้สึกภาคภูมิใจกับความสำเร็จทุกครั้ง นับตั้งแต่ได้เข้ามาบริหารแบรนด์โรลส์-รอยซ์"
จุดกำเนิดของ นิว แฟนธอม
ด้วยแนวคิดที่แตกต่างจากผู้ผลิตรถยนต์ระดับหรูชื่อดังรายอื่น ๆ ซึ่งพยายามลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อหน่วยการผลิต ผ่านการใช้ระบบการผลิตร่วมกับผู้ผลิตที่ผลิตสินค้าจำนวนมากในตลาด หาก โรลส์-รอยซ์ สรุปว่าอนาคตของสินค้าระดับหรูที่แท้จริงจะต้องเป็นการผลิตสินค้าจำนวนน้อยและให้ความสำคัญกับแนวคิดสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury) เท่านั้น
"นี่เป็นช่วงเวลาแห่งการสร้างความชัดเจนต่อชะตากรรมของ โรลส์-รอยซ์" มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด กล่าว "ลูกค้าของเราทุกรายซึ่งเป็นผู้ที่เจนจัดในเรื่องความหรูหราระดับสูง ต่างปรารถนาสิ่งที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้นอย่างไม่เคยลดน้อยลงเลย ซึ่งเราเชื่อมั่นว่านั่นคือสิ่งที่พวกเขาควรมี"
"กุญแจสำคัญของ โรลส์-รอยซ์ ซึ่งเกิดจากการยึดมั่นในวิสัยทัศน์สู่การเป็นแบรนด์ระดับหรูชั้นนำของโลกทั้งสำหรับวันนี้และในอนาคต ก็คือรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ครอบคลุมการผลิตรถยนต์ทุกรุ่นของโรลส์-รอยซ์" ดร.ฟิลิป โคเอห์น ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมกล่าว "สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหราจะเป็นสิ่งปูทางสู่อนาคตของ โรลส์-รอยซ์ ไม่ใช่เฉพาะ นิว แฟนธอม เท่านั้น โดยทั้งโปรเจค คัลลิแนน (Project Cullinan) เรื่อยไปจนถึงยานยนต์โกสต์ (Ghost), เรธ (Wraith) และ ดอว์น (Dawn) รุ่นต่อไป ก็จะดำเนินการบนสถาปัตยกรรมนี้ รวมถึงโครงการรถยนต์สั่งผลิตตัวถังพิเศษอื่น ๆ ในอนาคตของเราด้วย"
"สถาปัตยกรรมโครงสร้างแบบ Spaceframe ของรถยนต์แฟนธอม VII ถือเป็นจุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจที่ดี แต่เราต้องการทำได้มากกว่านั้น" มร. ไจลส์ เทย์เลอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ กล่าวเสริม "สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหราทำให้ผมมีโครงสร้างสำหรับการปกป้องรูปแบบและเอกลักษณ์ของแบรนด์ โรลส์-รอยซ์ ได้โดยไม่สูญเสียรายละเอียด โดยเริ่มต้นจากรุ่น นิว แฟนธอม ผมยังมีโครงงานในการผลิตยานยนต์โรลส์-รอยซ์ที่แท้จริงในอนาคต ซึ่งจริง ๆ แล้ว นี่จะเป็นโครงการรถยนต์สั่งผลิตพิเศษครั้งใหญ่เลยทีเดียว"
"วิธีการของเราคือการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับซัพพลายเออร์รายย่อยที่ดำเนินธุรกิจแบบครอบครัว ซึ่งให้ความสำคัญและใส่ใจในการผลิตมากกว่า ทำให้เราได้ความตั้งใจในการทำงานมากกว่าและได้ผลงานที่มีคุณภาพดีกว่าที่เราคาดหวัง ซึ่งเหนือกว่ามาตรฐานรถยนต์ทั่วไป" โคเอห์น กล่าว "นี่คือสิ่งที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน จากแบรนด์รถยนต์ซึ่งดำเนินธุรกิจเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ และถือเป็นการปฏิวัติวงการที่แท้จริง"
สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหราคืออะไร?
สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหราคือสถาปัตยกรรมการออกแบบโครงรถยนต์แบบ Spaceframe โดยใช้วัสดุอลูมิเนียมทั้งหมดที่คิดค้นโดยทีมวิศวกรของ โรลส์-รอยซ์ ซึ่งจะใช้ในรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ทุกรุ่น โดยเริ่มต้นจากรุ่น นิว แฟนธอม ดังนั้นในอนาคตข้างหน้าจะไม่มีรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ คันใดที่ใช้โครงรถแบบ Monocoque เหมือนที่พบในแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์จำนวนมากหรือแบรนด์ยานยนต์ระดับหรูอื่น ๆ ในท้องตลาด
สิ่งนี้คือแนวคิดที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่ทำให้ โรลส์-รอยซ์ สามารถยืนหยัดในฐานะแบรนด์ผู้ผลิตที่มุ่งมั่นนำเสนอความหรูหราในธุรกิจรถยนต์ ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ระดับหรูชื่อดังส่วนใหญ่จำกัดการดำเนินงานด้วยการใช้สายการผลิตร่วมกับแบรนด์ผู้ผลิตรายอื่นที่ผลิตสินค้าจำนวนมากในการผลิตรถเอสยูวีและรถแข่งของตนเอง ซึ่งทำให้เกิดการลดทอนคุณภาพที่ไม่อาจยอมรับได้ แต่ โรลส์-รอยซ์ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับการใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมของตนเอง ในการผลิตรถยนต์ทุกรุ่น ไม่ว่าจะในส่วนการตลาดใดก็ตาม
รูปแบบสถาปัตยกรรมนี้ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นจากพื้นฐานใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการทั้งในเรื่องขนาดและน้ำหนัก ให้สอดคล้องกับรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ในอนาคต ซึ่งรวมถึงรุ่นที่มีความแตกต่างในด้านแรงขับเคลื่อน แรงฉุด และระบบควบคุมต่าง ๆ เป็นการตอกย้ำถึงแนวทางการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในอนาคตระยะยาวของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน
ด้วยความแข็งแกร่งกว่าโครง Spaceframe ของรุ่น แฟนธอม VII ราว 30% ทำให้สถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่นี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ โรลส์-รอยซ์ ในรุ่นต่อ ๆ ไป เพื่อการมอบประสบการณ์ชั้นเลิศที่เปี่ยมด้วยความสะดวกสบายในการขับขี่ ระบบเสียงที่ดีเยี่ยม เบาะนั่งแสนสบาย ภาพลักษณ์ภายนอกที่หรูหรา และพื้นที่ห้องโดยสารภายใน
ระบบวิศวกรรมเพื่อยานยนต์ระดับมาสเตอร์พีซอันล้ำสมัย
นิว แฟนธอม คือยานยนต์ โรลส์-รอยซ์ รูปแบบใหม่รุ่นแรกที่ผลิตตามแนวคิดสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา ซึ่งรูปแบบสถาปัตยกรรมใหม่นี้ถือเป็นพื้นฐานของการสร้างสรรค์รถยนต์แฟนธอมรุ่นที่ 8 เพื่อการันตีสถานะ "รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก" ด้วยการใช้องค์ประกอบพื้นฐานที่ดีที่สุดและได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
คุณสมบัติเด่นประการแรกของรูปแบบสถาปัตยกรรมใหม่ที่ใช้กับ นิว แฟนธอม คือความเบา ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น การผลิตอย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานขั้นสูง ตัวถังแบบฐานล้อยาว และงานออกแบบผิวสัมผัสของห้องโดยสารภายในที่ดีเยี่ยมในทุกรายละเอียด
โครงสร้าง Spaceframe ซึ่งเป็นอลูมิเนียมแบบใหม่ล่าสุดมอบตัวถังรถที่มีความแข็งแกร่งขั้นสูงเพื่อสมรรถนะ "การขับขี่ที่ดีที่สุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน" โดยมีน้ำหนักที่เบากว่า ทั้งนี้ นิว แฟนธอม มีความแข็งแกร่งมากกว่ากว่าแฟนธอมรุ่นก่อน ๆ ถึง 30% ทำให้มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและมอบความสบายในการขับขี่มากกว่า
สิ่งที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่งขั้นสุดยอดของโครงสร้างแบบ Spaceframe คือโครงช่วงล่างที่มอบความสะดวกสบายที่สุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน ด้วยระบบกันสะเทือนแบบอากาศและระบบการควบคุมโครงช่วงล่างที่ดีเยี่ยม มอบการขับขี่และการควบคุมที่ง่ายดาย รวมถึงตัวเลือกฟังก์ชั่นเสริมประสิทธิภาพระบบกันสะเทือน
เพลาหน้าพร้อมปีกนกคู่รูปแบบใหม่และเพลาหลังแบบเชื่อมต่อ 5 จุด มอบประสิทธิภาพการควบคุมอันน่าทึ่งเมื่อเกิดการพลิกตัวและแรงเฉือนด้านข้าง พร้อมความคล่องตัวและเสถียรภาพที่ดีเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อ รวมถึงติดตั้งพวงมาลัยขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งทำงานประสานกันเพื่อมอบความสบายแก่ผู้โดยสารในทุกสภาวะการขับขี่
ประสบการณ์ "การขับขี่ที่นุ่มนวลราวพรมวิเศษ" ได้รับการปรับปรุงคุณภาพซึ่งเป็นผลมาจากสถาปัตยกรรมโครงสร้างรูปแบบใหม่ที่มีน้ำหนักเบาขึ้น และระบบกันสะเทือนแบบอากาศที่ปรับระดับได้เองรุ่นใหม่ล่าสุด โดยระบบกันสะเทือนจะทำการคำนวณค่าต่าง ๆ นับล้านค่าในทุกวินาที เพื่อปรับค่าตัวดูดซับแรงกระแทกที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะทำปฏิกิริยาตอบสนองต่ออัตราเร่งของตัวรถและล้อ การหมุนพวงมาลัย และข้อมูลจากกล้อง นอกจากนี้ The Flagbearer ซึ่งชวนให้นึกถึงคนโบกธงที่ทำหน้าที่โบกธงแดงหน้ารถยนต์สมัยก่อน ได้ติดตั้งระบบกล้องสเตอริโอไว้กับกระจกหน้ารถเพื่อให้มองเห็นถนนข้างหน้าในระยะไกล จึงสามารถปรับค่าระบบกันสะเทือนล่วงหน้าได้ในระดับความเร็วสูงถึง 100 กม./ชม.
รถยนต์ที่เงียบที่สุดในโลก
โรลส์-รอยซ์ ทุ่มเทความพยายามอย่างไม่สิ้นสุดในการสร้างสรรค์ "รถยนต์ที่เงียบที่สุดในโลก" ซึ่งรวมถึงการปิดกระจกขนาด 6 มม. สองชั้นทั่วทั้งตัวรถ การใช้ฉนวนกันเสียงที่มีน้ำหนักมากกว่า 130 กก. การใช้ข้อต่ออลูมิเนียมหล่อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในการประกอบโครงรถที่แนบสนิทเพื่อการป้องกันเสียงที่ดียิ่งขึ้น และการใช้วัสดุดูดซับเสียงประสิทธิภาพสูง
การทำงานของฉนวนกันเสียงรบกวนจากท้องถนนได้รับการเสริมประสิทธิภาพโดยการใช้วัสดุอัลลอยแบบผิวสองชั้นกับบริเวณพื้นและผนังของโครงแบบ Spaceframe ซึ่งถือเป็นรูปแบบพิเศษเฉพาะของ นิว แฟนธอม นอกจากนี้ ยังป้องกันเสียงรบกวนด้วยการใช้โฟมอัดแน่นและผ้าสักหลาดหลายชั้นระหว่างชั้นอัลลอยเหล่านี้ เพื่อประสิทธิภาพการป้องกันเสียงที่ดีที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในอุตสาหกรรมรถยนต์
นอกจากนี้ ชั้นดูดซับเสียงคุณภาพสูงทั้งในส่วนหน้ารถ ภายในบานประตู และภายในห้องเก็บสัมภาระ ยังถูกบุด้วยฉนวนกันเสียงและตัวลดเสียงสะท้อน โรลส์-รอยซ์ ยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับซัพพลายเออร์ยางรถเพื่อการคิดค้นยางรถแบบ "Silent-Seal" ซึ่งมีชั้นโฟมเฉพาะอยู่ภายในยาง เพื่อขจัดเสียงจากช่องลมของยางและลดเสียงรบกวนโดยรวมที่เกิดจากยางได้ถึง 9 เดซิเบล ซึ่งหมายความว่าผู้โดยสารสามารถสนทนาภายในรถยนต์ได้อย่างสบายโดยไร้เสียงรบกวน
เมื่อพิจารณาในภาพรวม นี่คือการสร้างปรากฏการณ์รังไหมที่สมบูรณ์แบบทั้ง 360 องศาในรถยนต์ ซึ่งมอบความเงียบมากกว่ายานยนต์แฟนธอมรุ่นก่อนถึง 10% เมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ซึ่งเมื่อวิศวกรด้านการทดสอบเสียงของ โรลส์-รอยซ์ มาทำการตรวจสอบผลการขับขี่บนถนนและการสั่นสะเทือนเป็นครั้งแรก ปรากฏว่ารถยนต์มีระดับเสียงต่ำมากจนเขาต้องตรวจสอบอุปกรณ์วัดเสียงว่าวัดค่าได้ถูกต้องแน่หรือไม่
หัวใจของ โรลส์-รอยซ์ – สุดยอดเครื่องยนต์ V12 พัฒนาใหม่ล่าสุด
หัวใจสำคัญของรถยนต์ยุคใหม่ของ โรลส์- รอยซ์ ทุกรุ่นคือขุมพลังจากเครื่องยนต์ V12 ซึ่งเมื่อ โรลส์-รอยซ์ เปิดตำนานยานยนต์บทใหม่พร้อมด้วยแนวคิดสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา รถยนต์ นิว แฟนธอม ยังคงยึดมั่นในขุมพลังเครื่องยนต์รุ่นนี้ ซึ่งได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ
ด้วยการให้ความสำคัญในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่เงียบที่สุดในโลก ทำให้ต้องพัฒนาเครื่องยนต์ที่ทำงานได้เงียบอย่างสมบูรณ์แบบเช่นกัน ซึ่งหมายถึงต้องมีเสียงรบกวนที่ต่ำกว่ามาตรฐานเพื่อให้เกิดความเงียบอย่างแท้จริง จึงเกิดการพัฒนาเครื่องยนต์ส่งกำลังรุ่น V12 ขนาด 6.75 ลิตรรุ่นใหม่ขึ้นสำหรับรุ่น นิว แฟนธอม โดยเฉพาะ โดยนำมาแทนที่เครื่องยนต์ V12 รุ่นที่ใช้ระบบการระบายอากาศตามธรรมชาติก่อนหน้านี้
เครื่องยนต์ v12 รุ่นใหม่ของแฟนธอมใช้ตัวอัดบรรจุอากาศเทอร์โบแบบคู่ ซึ่งมอบแรงบิดต่ำสุดที่ 900 นิวตันเมตรในระดับการหมุนเหลือเชื่อที่ 1,700 รอบต่อนาที โดยยังคงมอบพลังขับเคลื่อนสูงถึง 563 แรงม้าหรือ 420 กิโลวัตต์ ทำให้สามารถวิ่งได้เงียบแม้ในระดับความเร็วต่ำ มอบความรู้สึกพิเศษของการโดยสารและไร้การกระตุกของเครื่องเมื่อต้องการเร่งความเร็ว การติดตั้งระบบส่งกำลังแบบ Satellite Aided Transmission (SAT) เพิ่มเติมซึ่งทำงานผสานกับกระปุกเกียร์รุ่น ZF 8 สปีด ทำให้นักขับมั่นใจและพร้อมเสมอสำหรับการเดินทาง ไม่ว่าสภาพถนนข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
รถยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดของโรลส์-รอยซ์
อีกหนึ่งมาตรฐานขั้นสูงคือสถาปัตยกรรมระบบไฟฟ้าของ นิว แฟนธอม ถือเป็นส่วนประกอบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปเคยผลิตมาสำหรับใช้กับ โรลส์-รอยซ์ เท่านั้น เพื่อให้ นิว แฟนธอม เป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดของ โรลส์-รอยซ์
ระบบประสาทส่วนกลางนี้ทำหน้าที่เชื่อมต่อและควบคุมระบบอัจฉริยะขั้นสูงทั้งหมดซึ่งทำหน้าที่ต่าง ๆ ภายในตัวรถยนต์ ทำให้ นิว แฟนธอม เป็นสุดยอดยานยนต์ระกับหรูที่มีความล้ำสมัยที่สุด โดย นิว แฟนธอม เพียบพร้อมด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ อาทิ ระบบผู้ช่วยแจ้งเตือน (Alertness Assistant), ระบบกล้อง 4 ตัวพร้อมภาพจอกว้าง (4-camera system with Panoramic View), ระบบทัศนียภาพรอบทิศทางรวมถึงมุมมองจากด้านบน (all-round visibility including helicopter view), ทัศนวิสัยยามราตรีและตัวช่วยทัศนวิสัย (Night Vision and Vision Assist), ระบบควบคุมการขับขี่ระยะไกลแบบแอ็คทีฟ (Active Cruise Control), ระบบเตือนการปะทะ (collision warning), ระบบเตือนคนเดินเท้า (pedestrian warning) , ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา (cross-traffic warning), ระบบเตือนเมื่อออกนอกช่องทางและเปลี่ยนช่องทาง (lane departure and lane change warning), ระบบการแสดงผลความละเอียดสูงด้านหน้าคนขับแบบ 7x3 ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมรถยนต์ (7x3 high-resolution head-up display), จุดกระจายสัญญาณ WiFi hotspot, และระบบนำทางและความบันเทิงที่ทันสมัยที่สุด
นิว แฟนธอม – ผลงานร่วมสมัยระดับมาสเตอร์พีซ
"แฟนธอม คือยานยนต์ตัวแทนแห่งความสะดวกสบาย เป็นป้ายชื่อแห่งประวัติศาสตร์ที่ครองตำแหน่งอันสูงส่งท่ามกลางหมู่ดาวอันเจิดจรัสและเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหลในทุกรายละเอียด รถยนต์ นิว แฟนธอม คือการเฉลิมฉลองแด่มรดกแห่งงานออกแบบอันโด่งดัง พร้อมกับการสร้างสรรค์ตัวตนใหม่ที่ทันสมัยและเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา สำหรับการเริ่มต้นยุคต่อไปแห่งงานออกแบบของโรลส์-รอยซ์"
มร. ไจลส์ เทย์เลอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด
นิว แฟนธอม คือรถยนต์รุ่นแรกของ โรลส์-รอยซ์ ที่สร้างขึ้นด้วยแนวคิดสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา ซึ่งเกิดจากการตีความเอกลักษณ์ของ โรลส์-รอยซ์ ใหม่ทั้งหมดในรูปแบบร่วมสมัย เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์อันโดดเด่นเหนือระดับด้วยความหรูหราของโครงสร้างที่สมบูรณ์แบบทั้งในด้านความสมดุลและเสถียรภาพ ทั้งเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงและการปรากฏตัวที่ยิ่งใหญ่อย่างภูมิฐาน
ภาพลักษณ์ของ นิว แฟนธอม โดดเด่นความรูปทรงที่บริสุทธิ์ ด้วยการออกแบบบนสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่และกระบวนการทางวิศวกรรมอันล้ำสมัย ทำให้การเชื่อมส่วนต่าง ๆ ของโครงรถมีความแม่นยำสูงจนแทบไม่ปรากฏเส้นรอยต่อ ทำให้ นิว แฟนธอม มีรูปทรงราวกับแกะออกจากบล็อกอลูมิเนียมที่แข็งแกร่ง นับเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของฝ่ายการออกแบบและวิศวกรรมที่ร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงานชั้นเอกที่สวยงามจนเป็นผลสำเร็จ
รูปทรงด้านหน้าของตัวรถสื่อให้เห็นถึงความเป็นยานยนต์แฟนธอมอย่างชัดเจน ผ่านการปรับเปลี่ยนรูปทรงของตะแกรงหน้ารถทรงแพนธีออน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบรถยนต์รุ่นนี้ โดยส่วนตะแกรงถูกยกสูงขึ้นกว่ารุ่นแฟนธอม VII เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี (Spirit of Ecstasy) ที่วางตำแหน่งสูงกว่าเดิมประมาณครึ่งนิ้ว ส่วนตะแกรงหน้ารถยนต์รุ่นวิชั่น เน็กซ์ 100 (VISION NEXT 100) ซึ่งใช้รหัสรุ่น 103EX เมื่อปีที่แล้ว สื่อให้เห็นถึงกลิ่นอายของงานออกแบบแห่งอนาคตที่โฉบเฉี่ยว แต่ยังรู้สึกได้ถึงอิทธิพลการออกแบบจากยานยนต์รุ่น ซิลเวอร์ คลาวด์ (Silver Cloud) ในยุคของเจมส์ ยัง
ทว่า สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนจากรุ่น 103EX และแฟนธอมรุ่นก่อน ๆ ก็คือการนำตะแกรงของ นิว แฟนธอม มาผสานเป็นหนึ่งเดียวกับโครงด้านนอกของรถยนต์เป็นครั้งแรก ทำให้ได้งานออกแบบยานยนต์สมัยใหม่ที่ลดทอนรายละเอียดลงให้แลดูสบายตามากขึ้น ทำให้ นิว แฟนธอม มีรูปทรงที่สอดคล้องกับแนวคิดด้านกำลังขับเคลื่อนและการพุ่งทะยานไปข้างหน้า
นอกจากนี้ ดีไซน์กราฟิกของไฟหน้าใหม่ล่าสุดยังมอบภาพลักษณ์ที่สื่อถึงความมั่นใจและมุ่งมั่น ด้วยการตกแต่งวัสดุกระจกฝ้าด้านในที่ให้ความรู้สึกเปิดกว้างและการมองโลกในแง่บวก ติดตั้งด้วยไฟวงแหวนสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันและระบบไฟเลเซอร์ที่ทันสมัยที่สามารถส่องสว่างบนท่องถนนในเวลากลางคืนได้ไกลถึง 600 เมตร
รูปทรงที่ลื่นไหลเกิดจากงานประกอบโครงรถโดยช่างฝีมือ ที่มอบความสวยงาม สุนทรีภาพ และรอยต่อที่ประณีตบนตัวรถ โครงเส้นหลักที่ลากจากด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง เริ่มต้นจากขอบบนของตะแกรงหน้าที่ลากออกด้านนอกไปตามข้างตัวรถไล่จนถึงด้านหลัง ทำให้ นิว แฟนธอม มอบความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว ส่วนแนวเส้นปีกด้านหน้าที่ค่อย ๆ เลือนไปหลังมือจับประตูสื่อถึงสัมผัสแห่งการก้าวเดินไปข้างหน้าและความไหลลื่นของยานยนต์
ชิ้นส่วนตะแกรงหน้าผลิตจากสเตนเลสขัดมันโดยช่างฝีมือ ซึ่งเป็นวัสดุที่ช่วยเสริมความล้ำค่าและความงดงามที่เหนือกาลเวลา รวมถึงภาพลักษณ์ของสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ของ นิว แฟนธอม ผ่านการใช้วัสดุที่มอบความรู้สึกอบอุ่นและผิวสัมผัสชั้นสูง ขอบด้านบนของตะแกรงตกแต่งด้วยแถบสเตนเลสที่โค้งรับไปตามขอบบนของกระโปรงรถและล้อมรอบบานกระจกหน้า ช่วยขับเน้นความยาวของกระโปรงรถ และเชื่อมโยงห้องโดยสารให้คล้อยลงสู่ส่วนล่างของตัวรถอย่างลื่นไหลเมื่อตัวรถเคลื่อนผ่านอย่างพลิ้วไหวไปตามสายลม
รูปทรงด้านข้างของ นิว แฟนธอม ออกแบบในสัดส่วน 2:1 ที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งทำให้รถยนต์แฟนธอมทุกรุ่นเป็นที่ชื่นชอบของนักขับมาโดยตลอด โดยตัวรถด้านหน้าจะสั้นและด้านหลังถูกออกแบบให้ยื่นยาว โดยส่วนหน้าจะเชิดขึ้นและไหลลื่นต่อเนื่องไปยังส่วนท้าย โดยรูปทรงจากด้านท้ายของตัวรถในด้านข้างจะเป็นม้วนเป็นวงกลมมาที่ด้านหน้าและนำสายตาไปยังส่วนล้อหน้า โครงสเตนเลสด้านข้างแบบชิ้นเดียวขัดมันโดยช่างฝีมือซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด ช่วยเสริมความหรูหราสง่างามให้กับ นิว แฟนธอม และด้วยแนวเส้นสายรูปวงกลมที่อ่อนโยน ช่วยเสริมให้เสา C-pillar มีความโดดเด่นและนำสายตาไปสู่ด้านหลังของตัวรถอย่างนุ่มนวล นอกจากนี้ แฟนธอมในรุ่นฐานล้อยาวยังตกแต่งด้วยแถบสเตนเลสขัดมันที่ขอบช่วงล้อ เพื่อทำให้ยานยนต์รุ่นนี้แลดูแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น
"รูปแบบการดีไซน์ด้านข้างตัวรถของแฟนธอม ชวนให้นึกถึงความหรูหราของ แฟนธอม V ด้วยการแยกแนวปีกหน้าออกจากแนวขอบล่างของกระจกประตู (Waist Line) เราได้นำเสนอสัมผัสแห่งการเคลื่อนไหว และแนวเส้นนี้ซึ่งโค้งไปด้านหลังใต้ล้อนี้จะทำให้รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่เบาและว่องไวขึ้น" มร. ไจลส์ เทย์เลอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ กล่าวเสริม
การออกแบบส่วนท้ายรถนำเสนอความสวยงามอย่างโดดเด่น ด้วยการนำรูปแบบส่วนท้ายที่พลิ้วไหวของรถยนต์แฟนธอมในทศวรรษ 1950 และ 1960 มาผสมผสานกันอย่างลงตัว กระจกหน้าต่างหลังตกแต่งด้วยกรอบสเตนเลสของช่างฝีมือที่งดงามอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้มีความหรูหราและทันสมัยมากกว่าแฟนธอมรุ่นก่อน ส่วนลวดลายอันละเอียดอ่อนบนหลังคาส่วนท้ายที่ปกคลุมเหนือผู้โดยสารเบาะหลัง ช่วยขับเน้นพื้นที่ว่างเหนือศีรษะให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
นิว แฟนธอม ดึงดูดทุกสายตาด้วยส่วนท้ายที่มีดีไซน์แบบปลายสอบเข้าอย่างลงตัว ซึ่งผลิตจากอลูมิเนียมขึ้นรูปที่มีความคงตัวสูงเพื่อให้ได้พื้นผิวที่ไร้รอยต่อและรูปทรงของกันชนที่ลื่นไหลไปรอบ ๆ กราฟิกไฟท้าย ส่วนรอยพับอันประณีตบนฝากระโปรงหลังซึ่งชวนให้นึกถึงยานยนต์แฟนธอมที่มีความโดดเด่นรุ่นก่อน ๆ ถูกออกแบบให้มีความลื่นไหลสอดรับกับพื้นผิวกระโปรงหลังรูปแบบใหม่ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน วัสดุสเตนเลสของส่วนรอยพับนี้ยังเชื่อมโยงกับส่วนตะแกรงหน้า และช่วยให้อากาศไหลผ่านไปยังส่วนท้ายรถได้อย่างนุ่มนวล นอกจากนี้ ไฟท้ายที่งดงามดั่งอัญมณียังตกแต่งด้วยเครื่องหมายตัวอาร์ (R) ซ้อนกันของโรลส์-รอยซ์ อย่างประณีตสวยงาม
วัสดุสเตนเลสขัดมันโดยช่างฝีมือยังถูกนำมาใช้เพื่อเสริมความหรูหราให้แก่จุดสัมผัสแรกที่นักขับจะต้องสัมผัสกับ นิว แฟนธอม นั่นคือมือจับของประตูแบบ Coach Door โดย โรลส์-รอยซ์ มีแนวคิดที่แตกต่างจากแบรนด์รถยนต์อื่น ๆ ที่ตกแต่งมือจับแบบฉาบฉวยเท่านั้น เนื่องจาก โรลส์-รอยซ์ เข้าใจดีว่าวัสดุของมือจับประตูคือกุญแจสำคัญของการมอบประสบการณ์การขับขี่ชั้นเลิศในทุก ๆ วันให้แก่นักขับ และวัสดุที่มอบสัมผัสอันหรูหราและสวยงามจะสร้างความพึงพอใจอย่างมากแก่ผู้ครอบครองรถ
ภาพลักษณ์ที่สวยงามสะดุดตาของแฟนธอมมาบรรจบที่ส่วนล้อ ซึ่งแน่นอนว่าถูกออกแบบให้สอดคล้องกับสัดส่วนทองคำตามแบบฉบับของ โรลส์-รอยซ์ สิ่งสำคัญที่มอบสัมผัสแห่งการโบยบินบนท้องถนนที่แท้จริงคือล้ออัลลอยคุณภาพระดับพรีเมียมที่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยใช้ในยานยนต์โรลส์-รอยซ์ ล้อขนาด 22 นิ้วเมื่อห่อหุ้มด้วยยางเทคโนโลยี Seal Technology Tyres จะมอบการขับขี่ที่นุ่มนวลราวพรมวิเศษ ซึ่งหาไม่ได้ในรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ รุ่นก่อน
นิว แฟนธอม : สุดยอดยานยนต์ระดับหรูของโลก
การเข้าสู่ห้องโดยสารของ นิว แฟนธอม ทุกครั้งถือเป็นประสบการณ์พิเศษในตัวเอง เมื่อเปิดประตูแบบ Coach Door ออก คุณต้องเลือกเพียงว่าจะเป็นผู้ขับเคลื่อนหรือถูกขับเคลื่อน เมื่อนักขับก้าวขึ้นสู่ตัวรถ ผู้ช่วยหรือคนรับใช้จะก้าวมาข้างหน้าและสัมผัสเซ็นเซอร์อย่างนุ่มนวลที่มือจับประตู ประตูจะปิดลงอย่างเงียบกริบเพื่อนำผู้โดยสารเข้าสู่การรองรับสรีระที่เป็นเลิศของสุดยอดยานยนต์ระดับหรูของโลก
พื้นฐานของความสะดวกสบายและความรื่นรมย์สำหรับผู้โดยสารในเบาะหลังของ นิว แฟนธอม ก็คือ "การรองรับสรีระที่เป็นเลิศ" ซึ่งแนวคิดนี้เกิดจากการสร้างนิยามใหม่แห่งความสะดวกสบายและความประณีตในแบบฉบับ โรลส์-รอยซ์ ซึ่งได้กลายเป็นมาตรฐานระดับสูงของผู้ผลิตยานยนต์ทุกรูปแบบในการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายราวกับรังไหมที่พร้อมโอบอุ้มผู้โดยสารไว้ภายในด้วยวัสดุตกแต่งห้องโดยสารชั้นเยี่ยม นอกจากประตูทั้งสี่จะใช้เทคโนโลยีใหม่นี้เพื่อการโอบอุ้มผู้โดยสารแล้ว ทั้งประตูหลังและประตูหน้าแบบใหม่ยังสามารถปิดได้อย่างง่ายดายจากด้านในของห้องโดยสาร
แนวคิดการรองรับสรีระที่เป็นเลิศคือวิสัยทัศน์ของ มร. ไจลส์ เทย์เลอร์ ที่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์รถยนต์รุ่น 103EX ซึ่งเขาได้ก้าวล้ำไปข้างหน้าด้วยการปลุกจิตวิญญาณของยานยนต์ 103EX ขึ้นอีกครั้ง ผ่านการออกแบบห้องโดยสารแนวอนาคตของ นิว แฟนธอม โดยไม่สูญเสียความสุขุมเยือกเย็นและความรู้สึกเงียบสงบในห้องโดยสารอันแสนผ่อนคลายแห่งนี้ เทคโนโลยีต่าง ๆ ถูกติดตั้งและซ่อนไว้เป็นอย่างดีและจะปรากฏเมื่อต้องการใช้งานเท่านั้น เพื่อให้เกิดพื้นที่และผิวสัมผัสที่สะอาดตา เพื่อให้ผู้โดยสารมองเห็นแต่ความสวยงามเสมือนนั่งอยู่ในห้องแสดงผลงานศิลปะชั้นสูง
นิว แฟนธอม มอบความเป็นเลิศสมดังความคาดหวังที่นักขับปรารถนาจาก โรลส์-รอยซ์ จากการตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุที่ล้ำค่าที่สุดและมอบความสวยงามในแบบร่วมสมัย หากสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ สัมผัสที่เบาสบายและความเรียบง่าย ตลอดจนความหรูหราที่สะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ด้วยการออกแบบเบาะหลังที่มอบความสะดวกสบายขั้นสุดยอด ทำให้ผู้โดยสารได้รับการปกป้องในห้องโดยสารที่แทบจะเงียบสนิทราวกับอยู่ในหมอนอัดอากาศ ซึ่งเกิดจากระบบการขับขี่และระบบป้องกันเสียงรบกวนขั้นสูง เมื่อต้องการพื้นที่ในการใช้ความคิดไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจหรือเรื่องเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ผู้โดยสารจะสามารถผ่อนคลายและเกิดแรงบันดาลใจได้จากการตกแต่งแบบ Starlight Headliner อันงดงามที่มีในยานยนต์ โรลส์-รอยซ์ เท่านั้น เสริมความหรูหราด้วยวัสดุไม้บุพื้นผิวอันประณีตที่มีความเงางามสูง โดยใช้บุตกแต่งทั้งส่วนด้านในประตูรถ คอนโซลกลาง แผงหน้าปัด และโต๊ะปิกนิก เพื่อให้ผู้โดยสารแวดล้อมด้วยวัสดุตกแต่งที่สวยงามและมอบสุนทรีภาพแห่งการเดินทางที่ดีเลิศที่สุด
รูปทรงห้องโดยสารส่วนหน้ามีลักษณะเพรียวไปด้านหน้าสื่อให้เห็นถึงธรรมชาติของการเคลื่อนที่ ซึ่งตรงข้ามกับห้องโดยสารส่วนหลังที่เน้นการเอนกายพักผ่อนในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย สำหรับการออกแบบที่พักแขน นำรูปแบบมาจากเรือยอชท์รุ่น J-Class มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ซึ่งทั้งการบุผิวและรูปทรงแบบ "ลำเรือ" ของที่พักแขน นำมาจากเรือยอชท์ขนาดใหญ่รุ่นนี้อย่างชัดเจน
เบาะนั่งได้รับการออกแบบใหม่และผลิตโดยช่างฝีมือเพื่อมอบความสบายที่เหนือกว่า โดยเน้นองค์ประกอบแนวนอนให้เด่นชัดตรงส่วนบนของเบาะเพื่อสื่อถึงสัมผัสที่กว้างขวาง สะดวกสบาย และท่วงท่าที่เหมาะสม พร้อมกับใช้องค์ประกอบแนวตั้งจากการตีความในรูปแบบของ "เบาะหัวกระสุน" ซึ่งพบได้ใน โรลส์-รอยซ์ รุ่นเรธ และ ดอว์น ก่อนหน้านี้ การใช้วัสดุไม้บุพื้นผิวในการบุส่วนหลังของเบาะหน้าได้รับอิทธิพลมาจากเก้าอี้สไตล์ Eames Lounge Chair อันโด่งดังในปี ค.ศ. 1956 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่หลงใหลในความหรูหรา และถูกจัดแสดงเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการถาวรภายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งกรุงนิวยอร์ก
ภายใต้วัสดุไม้บุพื้นผิวด้านหลังของเบาะหน้า ซุกซ่อนไว้ด้วยส่วนใช้สอยและเทคโนโลยีอันทันสมัยอย่างชาญฉลาด ทั้งโต๊ะปิกนิกและจอภาพสำหรับห้องโดยสารด้านหลัง ซึ่งเปิดใช้งานด้วยระบบไฟฟ้าและพับเก็บได้อย่างง่ายดายด้วยปุ่มควบคุม เพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงในรูปแบบโรงละครขนาดเล็กส่วนตัวชั้นเลิศเพียงปลายนิ้วสัมผัส ความใส่ใจในรายละเอียดอันเป็นแนวทางการทำงานของโรลส์-รอยซ์ นั้นครอบคลุมถึงทุกเรื่อง แม้แต่การควบคุมตำแหน่งเบาะนั่ง ซึ่งในรถยนต์ นิว แฟนธอม ถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่งจากการติดตั้งจุดควบคุมบนที่พักแขนกลาง มาเป็นการแยกควบคุมตามความต้องการของผู้นั่งแต่ละคนอย่างเป็นธรรมชาติ
นักขับและผู้โดยสารในยานยนต์แฟนธอมสามารถปรับตำแหน่งเบาะนั่งให้แตกต่างให้ตรงตามความต้องการของแต่ละคนได้อย่างอิสระ โดยสามารถเลือกได้ทั้งเบาะนั่งสไตล์เลานจ์ (Lounge Seat), เบาะเดี่ยวพร้อมที่วางแขน (Individual Seats with occasional armrest) หรือเบาะเดี่ยวพร้อมคอนโซลกลางแบบติดตายตัว (Individual Seats with Fixed Centre Console) และเบาะนอนแบบใหม่ล่าสุด
คอนโซลกลางด้านหลังแบบติดตายตัว (Fixed Rear Centre Console) แบบใหม่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพโดยเพิ่มส่วนตู้เก็บเครื่องดื่ม แก้ววิสกี้กับคนโท แก้วแชมเปญ และช่องแช่เย็น นอกจากนี้ ยังมีการจัดตำแหน่งของเบาะหลังอย่างพิถีพิถันเพื่อให้การพักผ่อนและการสังสรรค์ของผู้โดยสารในเบาะหลังมีความสะดวกสบายมากที่สุด ทำให้ทุกคนในห้องโดยสารสามารถพูดคุยกันได้อย่างสนุกสนานเพลิดเพลินโดยไม่เกิดความเมื่อยล้าในส่วนคอ
นิว แฟนธอม มอบสัมผัสที่หรูหราน่าพอใจในทุกตารางนิ้ว ด้วยการเลือกสรรเฉพาะวัสดุที่ดีที่สุดและมอบสุนทรีภาพในการสัมผัสมากที่สุดในทุกรายละเอียดของห้องโดยสาร ปุ่มควบคุมทุกชิ้นล้วนใช้วัสดุโลหะ อาทิ ปุ่มควบคุมช่องลมแบบ Eyeball และลิ้นปิดท่อ ปุ่มควบคุมตำแหน่งเบาะนั่งและดวงไฟ ปุ่มควบคุมหน้าต่างแบบ Violin Key รวมถึงการใช้วัสดุแก้ว และการบุด้วยหนังเนื้อดี อาทิ ส่วนหน้าปัด รวมถึงตัวควบคุมสัญลักษณ์สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี (Spirit of Ecstasy) ทั้งส่วนหน้าและหลังรูปแบบใหม่
นิว แฟนธอม ยังนำเสนอความสบายและความประณีตของห้องโดยสารที่เหนือระดับ ด้วยระบบทำความร้อนที่พื้นผิวซึ่งทำงานร่วมกับระบบให้ความร้อนแก่เบาะนั่ง โดยพื้นผิวในห้องโดยสารที่สามารถทำความร้อนได้ครอบคลุมทั้งส่วนที่พักแขนบนประตูหน้า ฝาคอนโซลกลางของเบาะหน้า เสา C-pillar ส่วนล่าง ที่พักแขนด้านข้างของเบาะหลัง รวมถึงเบาะนั่งแบบเดี่ยวทั้งหมด และที่พักแขนกลางของเบาะหลัง
แนวคิด The Gallery ห้องแสดงผลงานศิลปะสุดล้ำของยานยนต์ระดับหรู
หนึ่งในหัวใจสำคัญด้านสุนทรีศาสตร์ในการออกแบบแนวใหม่ของ นิว แฟนธอม คือ The Gallery - แนวคิดห้องแสดงผลงานศิลปะ ซึ่งเป็นการตีความภาพลักษณ์ความร่วมสมัยและความหรูหราในส่วนแผงหน้าปัดและแผงควบคุมของรถยนต์ใหม่ทั้งหมด
แม้ยังคงใช้รูปแบบแผงหน้าปัดขนาดใหญ่ที่เชิดขึ้นในแนวร่วมสมัยตามแบบฉบับของโรลส์-รอยซ์ หากการใช้วัสดุวีเนียร์บนแผงหน้าปัดแบบชิ้นเดียวในรูปทรงสมมาตรสะอาดตา สามารถนำสายตาขึ้นจากส่วนกลางออกสู่ด้านข้าง ทำให้รู้สึกว่าแผงหน้าปัดของรถกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
ทุกองค์ประกอบภายใต้แนวคิด The Gallery ถูกห่อหุ้มด้วยแผงกระจกนิรภัยที่คลุมความกว้างทั้งหมดของพื้นที่แผงหน้าปัด โดยมีการตกแต่งหน้าปัดดิจิทัลด้วยกรอบโลหะเคลือบโครเมียมให้เงางามดุจอัญมณี และสร้างความต่อเนื่องตลอดทั้งส่วนหน้าของห้องโดยสาร
เบื้องหลังกรอบหน้าปัดโครเมียมนี้ โรลส์-รอยซ์ ติดตั้งเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย ซึ่งพนักงานขับรถของผู้ครอบครองรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ทั่วโลกต่างเรียกร้อง นั่นคือ จอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมไฟแบ็กไลท์แบบ LED เพื่อแสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดแก่นักขับบนแผงหน้าปัดเหล่านี้ ด้วยเข็มหน้าปัดเสมือนจริงที่ออกแบบมาอย่างสวยงามและมองเห็นได้อย่างชัดเจน รวมถึงวงหน้าปัดที่งดงามดุจอัญมณี และตัวอักษรที่ชัดเจนในแบบฉบับของ โรลส์-รอยซ์
นอกเหนือจากข้อมูลด้านความเร็ว พลังงานสำรอง เชื้อเพลิง และอุณหภูมิ จอแสดงผลนี้ยังทำหน้าที่บอกข้อมูลสำคัญในด้านการตั้งค่าระบบช่วยขับทางไกล คำแนะนำการใช้ระบบนำทาง ระบบช่วยเหลือการขับขี่ และข้อมูลทั้งหมดของรถยนต์
แนวคิด The Gallery มอบความหรูหราอีกขั้นด้วยนาฬิกาแบบอะนาล็อกหน้าปัดแก้วอันโดดเด่น เสมือนการบ่งบอกว่านี่คือ "เสียงที่ดังกังวานที่สุดที่คุณจะได้ยินเมื่ออยู่บนยานยนต์โรลส์-รอยซ์..." และจอแสดงผลกลางซึ่งสามารถพับไว้ด้านหลังช่องคอนโซลกลางได้เมื่อไม่ใช้งาน
นาฬิกามาตรฐานมีส่วนหน้าปัดสีเข้มขรึมและล้อมกรอบด้วยหนังสีดำ อย่างไรก็ตาม นาฬิกาสั่งทำพิเศษแต่ละเรือนล้วนมีการออกแบบที่ประณีตงดงามยิ่งกว่า อาทิ การออกแบบส่วนหน้าปัดที่ใช้ไฟแบ็กไลท์ที่สว่างมากยิ่งขึ้น พร้อมตกแต่งด้วยรายละเอียดและก้านถ่วงที่งดงามดั่งแก้วคริสตัล และตกแต่งพื้นผิวอย่างงดงามตามแนวคิด "แนวคิดห้องแสดงผลงานศิลปะสุดล้ำของยานยนต์ระดับหรู"
แนวคิด The Art of Movement ศิลปะแห่งการขับเคลื่อน
"ศิลปะ คือหัวใจสำคัญในการกำหนดแนวคิดการออกแบบห้องโดยสารภายในของ นิว แฟนธอม" มร. ไจลส์ เทย์เลอร์ ผู้อานวยการฝ่ายออกแบบ กล่าว "เรารู้ดีว่าลูกค้าจำนวนมากของเราเป็นผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ และแน่นอนว่าพวกเขาต่างเก็บสะสมคอลเลกชั่นงานศิลป์ของตนเองด้วย ศิลปะจึงเป็นปัจจัยสัมพันธ์สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่"
ปัจจัยสัมพันธ์นี้คือสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่เทย์เลอร์ ในการตีความแผงหน้าปัดรถยนต์ใหม่ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน จากส่วนประกอบที่นิ่งสนิทตายตัวให้กลายเป็นจุดรวมสายตาอันน่าประทับใจ "ผมต้องการทำให้ส่วนประกอบของรถยนต์ที่นิ่งสนิทแบบนี้มานานกว่าศตวรรษ ซึ่งมีความหมายเพียงน้อยนิดนอกเหนือจากการซ่อนถุงลมนิรภัยและส่วนประกอบอื่น ๆ ให้กลายเป็นส่วนประกอบที่มีความหมาย นั่นคือเป็นพื้นที่สำหรับหายใจเพื่อสร้างความผ่อนคลาย" มร. ไจลส์ เทย์เลอร์ กล่าว
และนี่คือเป้าหมายที่แท้จริงของแนวคิด The Gallery คือห้องแสดงผลงานศิลปะชั้นสูง
ด้วยการตระหนักถึงพื้นที่ว่างเหนือแผงหน้าปัด มร. ไจลส์ เทย์เลอร์ จึงเล็งเห็นถึงการใช้งานรูปแบบใหม่ โดยจัดให้เป็นพื้นที่แสดงผลงานศิลปะที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพื้นที่ในการแสดงอัตลักษณ์ของผู้เป็นเจ้าของ นิว แฟนธอม ให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น
"ในศตวรรษที่ 18 ผลงานศิลปะขนาดเล็กเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและถือเป็นงานศิลป์ที่มีมูลค่ามาก ทำให้ผู้ครอบครองสามารถนำรูปภาพที่ตนเองชื่นชอบเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ผมชอบแนวคิดนี้มากที่คุณสามารถนำงานศิลป์ของคุณติดตัวไปได้ทุกที่ ดังนั้น ผมจึงนำความคิดนี้มาใช้งาน" มร. ไจลส์ เทย์เลอร์ กล่าวต่อ "และวันนี้ ลูกค้าของเราก็จะสามารถทำแบบนี้ได้เช่นกัน"
เนื่องจากเป็นภารกิจรถยนต์สั่งทำพิเศษ ลูกค้าจึงสามารถเลือกศิลปินหรือนักออกแบบที่ชื่นชอบให้มาทำงานร่วมกับ โรลส์-รอยซ์ เพื่อการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่มีความเฉพาะตัวอย่างแท้จริง เสมือนการสร้างห้องแสดงผลงานชั้นสูงส่วนตัวใน นิว แฟนธอม
โรลส์-รอยซ์ ได้ทำงานร่วมกับศิลปิน นักออกแบบ และผู้สะสมงานศิลป์มาแล้วจำนวนมาก เพื่อแสดงให้เห็นว่าแนวทางการสร้างสรรค์แบบใดสามารถนำมาใช้ได้ในแนวคิด The Gallery เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ครอบครองรถยนต์ โดยผลงานศิลปะที่ทำงานนั้นมีหลายรูปแบบ นับตั้งแต่ภาพสีน้ำมันที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพ South Downs of England in Autumn โดยศิลปินแนววิจิตรศิลป์ Lian Yangwei, แผนที่พันธุกรรมติดแผ่นทองคำแบบ 3 มิติของเจ้าของรถยนต์ สร้างสรรค์โดยทีม enfant terrible แห่งบริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์ Thorsten Franck ในเยอรมัน, ดอกกุหลาบพอซเลนที่ผลิตด้วยมืออย่างประณีต โดยผู้ผลิตเครื่องพอซเลนชื่อดังระดับโลก Nymphenberg ตลอดจนผลงานแนวนามธรรมจากผ้าไหม โดยศิลปินขาวอังกฤษรุ่นเยาว์ Helen Amy Murray เหล่านี้คือตัวอย่างของผลงานการสร้างสรรค์ที่ได้แรงบันดาลใจจากพื้นที่ว่างของแนวคิด The Gallery ซึ่งแทบไม่มีใครเคยนึกถึงมาก่อน
นอกเหนือจากภารกิจรถยนต์สั่งทำพิเศษซึ่งต้องใช้เวลานานในการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อส่งมอบแก่เจ้าของ ทีมช่างฝีมือและนักออกแบบของ โรลส์-รอยซ์ ที่ Home of Rolls-Royce ในกู้ดวูด ยังได้สร้างสรรค์คอลเลกชั่นงานศิลป์เพื่ออนาคตอันน่าตื่นตะลึงซึ่งทำจากผ้าไหม ไม้ โลหะ และหนัง ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ทันที
บทสรุป
ทั้งแนวคิด Architecture of Luxury, 'The Gallery', The Embrace, The Art of Movement การใช้วัสดุที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่บนโลก รวมถึงงานออกแบบและระบบวิศวกรรมที่ดีเยี่ยมไร้คู่แข่งของโรลส์-รอยซ์ ทำให้ นิว แฟนธอม ไม่เพียงสร้างมาตรฐานใหม่ในฐานะ "รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก" เท่านั้น แต่ยังเป็นยานยนต์ที่หรูหราชั้นนำของโลกอีกด้วย เมื่อ โรลส์-รอยซ์ เปิดตำนานบทใหม่ รถยนต์รุ่น นิว แฟนธอม จึงกลายเป็นผู้สร้างแนวทางสู่อุตสาหกรรมรถยนต์หรูระดับโลกอย่างเต็มภาคภูมิ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit