“เนสกาแฟ” นั่งแท่น 'สุดยอดแบรนด์ที่ผู้บริโภคเลือกซื้อสูงสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม’ คว้ารางวัลแบรนด์ ฟุตพริ้นท์ อวอร์ด 4 ปีซ้อน

11 Aug 2017
ผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ นำโดย นางสาวพัทนัย เหลืองตระกูล ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด รับรางวัล 'แบรนด์ ฟุตพริ้นท์ อวอร์ด 2017' (Brand Footprint Award 2017) ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัท กันตาร์ เวิล์ดพาแนล (Kantar Worldpanel) ตอกย้ำถึงความสำเร็จของแบรนด์เนสกาแฟ ในฐานะสุดยอดแบรนด์ที่ผู้บริโภคไทยตัดสินใจเลือกซื้อสูงสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม โดยมีนางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นประธานมอบรางวัลในงานประกาศรางวัลแบรนด์ ฟุตพริ้นท์ อวอร์ด ซึ่งนับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันที่เนสกาแฟได้รับรางวัลเกียรติยศดังกล่าว อันสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของเนสท์เล่ในการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิต เสริมสร้างสุขภาพที่ดีสู่อนาคต (Enhancing quality of life and contributing to a healthier future) และค่านิยมการทำงานที่มีพื้นฐานมาจากความใส่ใจ โดยมีนายฮาร์เวิร์ด ชาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันตาร์ เวิล์ด พาแนล ประเทศไทยและมาเลเซีย ร่วมแสดงความยินดีในพิธีมอบรางวัล ณ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ
“เนสกาแฟ” นั่งแท่น 'สุดยอดแบรนด์ที่ผู้บริโภคเลือกซื้อสูงสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม’ คว้ารางวัลแบรนด์ ฟุตพริ้นท์ อวอร์ด 4 ปีซ้อน

บริษัท กันตาร์ เวิล์ดพาแนล ผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยพฤติกรรมและการซื้อสินค้าของผู้บริโภคได้จัดทำ "แบรนด์ ฟุตพริ้นท์" ซึ่งเป็นการวิจัยระดับโลกจัดอันดับแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคที่ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อสูงสุดและมีอัตราการเติบโตสูงสุดครอบคลุม 43 ประเทศทั่วโลก โดยได้มีการศึกษาข้อมูลการจับจ่ายของผู้บริโภค 24 ล้านครัวเรือนในประเทศไทย เพื่อจัดอันดับตามดัชนี CRPs (Consumer Reach Points) ซึ่งคำนวณจากผลรวมของจำนวนครัวเรือน การเข้าถึงครัวเรือน และความถี่ในการเลือกซื้อสินค้า

ผลการวิจัยดังกล่าวของกันตาร์ชี้ว่า "เนสกาแฟ" เป็นแบรนด์เครื่องดื่มอันดับหนึ่งที่ผู้บริโภคไทยเลือกซื้อสูงสุด ซึ่งจากผู้บริโภค 24 ล้านครัวเรือนในไทย มีผู้บริโภคเลือกซื้อเนสกาแฟมาดื่มที่บ้านถึง 55.4% โดยมีความถี่ในการซื้อเฉลี่ยถึง 12.4 ครั้งต่อปี ทำให้เนสกาแฟมีดัชนี CRPs อยู่ที่ 165 คะแนน สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องดื่มในประเทศไทย

นายแวลดดิสลาฟ อังดรีฟ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า "เราขอขอบคุณผู้บริโภคทุกท่านที่ให้การสนับสนุนเนสกาแฟด้วยดีมาโดยตลอด รางวัลนี้สะท้อนถึงความไว้วางใจที่ผู้บริโภคไทยมีให้กับเนสกาแฟมาตลอด 4 ทศวรรษ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับความไว้วางใจจากทุกท่านและนั่นถือเป็นภาระหน้าที่สำคัญของเนสกาแฟในการรักษาความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคและครองความเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคชาวไทยเลือกซื้อ เราจึงยังคงยึดมั่นในการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์เนสกาแฟให้ตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคชาวไทย และด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ เราจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์หลักของเรา อาทิ เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู และ เนสกาแฟ เรดคัพ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของการผสมกาแฟสดคั่วบดละเอียด และได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เนสกาแฟ โกลด์ กาแฟปรุงสำเร็จระดับพรีเมี่ยมพร้อมฟองนมชั้นเลิศ"

นางสาวพัทนัย เหลืองตระกูล ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า "เนสท์เล่ดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นในเจตนารมณ์ของเรา (Nestle Purpose) คือ 'การเพิ่มพูนคุณภาพชีวิต เสริมสร้างสุขภาพดีสู่อนาคต' (Enhancing quality of life and contributing to a healthier future) และยึดมั่นในค่านิยมการทำงานที่มีพื้นฐานมาจากความใส่ใจ เรามุ่งมั่นสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์เนสกาแฟ ด้วยการทุ่มเทสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่ผู้คนและครอบครัว ชุมชน และโลกของเรา"

เนสกาแฟ ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่อร่อยและมีคุณภาพดี เพื่อมีส่วนช่วยให้ผู้คนและครอบครัวไทยได้มีสุขภาพที่ดี และมีความสุขยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ผสมกาแฟคั่วบดละเอียด ที่ให้ความหอมอร่อยเหมือนกาแฟสด เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู สูตรน้ำตาลน้อย หอมอร่อยลงตัวด้วยน้ำตาลที่น้อยลง 25% รวมถึงประสบการณ์การดื่มกาแฟผสมฟองนมชั้นเลิศจาก เนสกาแฟ โกลด์ และ เนสกาแฟ เรดคัพผสมกาแฟคั่วบดละเอียด กาแฟผงสำเร็จรูปแบบชงเองที่ให้ความหอมขึ้น นุ่มขึ้น และมีคุณภาพกาแฟสดที่พิสูจน์ได้ด้วยตา

นอกจากนี้ เนสกาแฟยังมีส่วนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟชาวไทย ภายใต้ โครงการ 'เนสกาแฟ แพลน' (NESCAFÉ Plan) ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกของเนสกาแฟที่มุ่งส่งเสริมการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงยั่งยืน เนสท์เล่เป็นเพียงบริษัทเดียวในประเทศไทยที่มีศูนย์รับซื้อเมล็ดกาแฟถึง 4 แห่งในภาคใต้ เพื่อจัดซื้อเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานระดับโลกของเนสกาแฟจากเกษตรกรโดยตรง ซึ่งสามารถตรวจสอบถึงแหล่งที่มาได้ 100% โดยมีนักวิชาการเกษตรของเนสท์เล่จำนวน 13 คนคอยให้ความช่วยเหลือดูแลเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟกว่า 2,300 คนทุกปี

อีกทั้งยังได้มอบต้นกล้ากาแฟคุณภาพจำนวนสองล้านต้นเพื่อให้เกษตรกรนำมาใช้เพาะปลูกเพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟจากท้องถิ่นอย่างยั่งยืนต่อไป

เนสกาแฟยังให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อคนรุ่นต่อไป ผ่านโครงการอนุรักษ์น้ำ และสิ่งแวดล้อม อาทิ การตั้งเป้าหมายในการจัดการขยะให้เหลือศูนย์ "Zero Waste" ในโรงงานผลิตกาแฟผงสำเร็จรูปแบบชงเองทุกโรงงานภายในปี 2563

HTML::image(