นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นโอกาสในการพบปะระหว่างผู้นำเข้าและผู้ผลิต ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตวัตถุดิบยางและผลิตภัณฑ์ยางในประเทศไทย โดยมีผู้นำเข้าจาก 25 ประเทศ 106 ราย จากทั่วโลก ทั้งจากประเทศโซนเอเชีย ได้แก่ ประเทศจีน อินเดีย บังกลาเทศ ประเทศโซนเอเซียตะวันออกกลาง เช่น ประเทศซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน และโซนยุโรป ได้แก่ ฮังการี เนเธอร์แลนด์ รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย นอกจากนั้นยังมีประเทศโซนทวีปแอฟริกา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้นำผู้นำเข้ารายใหญ่ๆ ทั้งหมดมาจับคู่ทางการค้าภายในงาน ทั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากการยางแห่งประเทศไทย นำสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่เป็นสมาชิกของการยางแห่งประเทศไทยกว่า 20 ราย มาร่วมจับคู่ธุรกิจ พร้อมนำผลิตภัณฑ์จากยางพาราของสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางมานำเสนอ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีมากที่ภายในงานนี้ไม่ได้มีแค่เฉพาะผู้ประกอบการทั่วไป แต่ยังมีสถาบันเกษตรกรและเกษตรกรชาวสวนยางมาร่วมเจรจาธุรกิจด้วย ซึ่งคาดว่าในงานนี้จะสามารถขายยางได้ประมาณ 300,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท
ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการกิจการยางทั้งสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และภาคเอกชน ได้ร่วมเจรจาจับคู่ธุรกิจในครั้งนี้ นับว่าเป็นการเพิ่มโอกาสและช่องทางการตลาดใหม่ให้กับผู้ประกอบกิจการยางพารา เพราะส่วนมากมาจากประเทศผู้ซื้อจากทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศโซนเอเชียตะวันออกกลางและยุโรป ซึ่ง กยท. ได้นำตัวแทนสถาบันเกษตรกรที่แปรรูปและผลิตยางพาราที่มีมาตรฐานและมีศักยภาพมาพบปะกับผู้ชื้อและนำเข้าจากทั่วโลก โดยบรรยากาศภายในห้องเจรจาวันนี้มีความคึกคัก ผู้ซื้อให้ความสนใจยางพาราของไทยที่มีคุณภาพ แสดงให้เห็นว่าพื้นฐานความต้องการใช้ยางพาราในตลาดยังคงมีสูงมาก ซึ่งการเจรจาในชั่วโมงแรก สหกรณ์กองทุนสวนยางอำเภอบ่อทอง จำกัด ปิดยอดขายเบื้องต้นไป 200 ตันต่อเดือน สหกรณ์ยางพาราเนินดินแดงตราด จำกัด ปิดยอดขายหมอนเบื้องต้นกับทางประเทศจีนประมาณ 2 แสนใบต่อเดือนและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจาก 5 จังหวัดชายแดนใต้ กำลังเจรจาซื้อขายน้ำยางกับประเทศอินเดีย "พื้นฐานความต้องการใช้ยางพาราในตลาดยังคงมีสูงมาก เห็นได้ชัดว่าการจับคู่ธุรกิจในวันนี้ ผู้ซื้อจากต่างประเทศให้ความสนใจสั่งซื้อยางจากไทยซึ่งเป็นยางที่มีคุณภาพ โดยวันนี้ได้ถือโอกาสเปิดตัวยางที่ได้มาตรฐานซึ่งสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางต่างๆ พยายามเร่งผลักดันเพื่อให้สินค้าและผลิตภัณฑ์ยางพาราของตนเองผ่านมาตรฐาน GMP ที่กำหนดไว้ เพื่อเน้นการแข่งขันกันด้านคุณภาพมากว่าการแข่งขันด้านราคา ถือเป็นการขยายลู่ทางการส่งออกยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางของไทยสู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งเร่งหาตลาดใหม่ให้แก่ผู้ประกอบกิจการยาง อย่างไรก็ตาม กยท. จะเข้าร่วมประชุมสภาไตรภาคียางพารา ร่วมกับประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ในปลายสัปดาห์นี้ และจะมีการประชุมในระดับรัฐมนตรีต่อไป ในวันที่ 15 กันยายนนี้" ผู้ว่าการ กยท. กล่าว
ด้าน นางสาวรวีพลอย ยุทธเจริญกิจ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด สหกรณ์กองทุนสวนยางอำเภอบ่อทอง จำกัดกล่าวว่า สหกรณ์บ่อทองได้เข้าร่วมจับคู่ธุรกิจกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศอยู่เป็นประจำ และทุกครั้งจะได้ผลตอบรับที่ดี และได้ลูกค้าใหม่ๆ เสมอ เดิมทีลูกค้าหลักจะเป็นผู้นำเข้าจากประเทศจีน แต่ในครั้งนี้จะเน้นหาลูกค้าในโซนยุโรปเป็นการเปิดตลาดใหม่ ซึ่งได้พูดคุยกับผู้ซื้อจากเยอรมัน และฮังการี ที่ให้ความสนใจในตัวสินค้าของทางสหกรณ์บ่อทอง ซึ่งเมื่อผู้ซื้อทราบว่าเราเป็นชาวสวนยางเอง เกิดความพอใจเนื่องจากมีความต้องการที่จะซื้อจากผู้ผลิตโดยตรงที่เป็นต้นทางจริงๆ ซึ่งมีความต้องการที่ตรงกัน เนื่องจากสหกรณ์บ่อทองเองต้องการขายกับผู้ซื้อโดยตรงเช่นกัน สินค้าที่ทำการขายได้ในช่วงแรกของวันนี้ ได้แก่ ยางแผ่นรมควันชั้น 1 และชั้น 3 เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ และส่วนประกอบของรถ ถึงแม้ว่าปริมาณการซื้อของลูกค้าจากโซนยุโรปจะไม่เยอะมากเท่ากับทางประเทศจีน แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการเพิ่มจำนวนคู่ค้ารายใหม่ๆ ซึ่งประเทศเยอรมัน สั่งซื้อสินค้าประมาณ 50 ตันต่อเดือน ส่วนฮังการี สนใจใน STR20 RSS3 น้ำยางข้น STR10 STR5L STR3L ในส่วนของยางแผ่นรมควันขณะนี้มียอดสั่งซื้อประมาณ 200 ตัน และกำลังรอลูกค้ายืนยันการสั่งซื้อซึ่งจะมีเพิ่มเติมมาอีกในการเจรจาช่วงต่อไปในงานนี้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit