วันนี้ (19 มิถุนายน 2560) ณ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน "ย้อนอดีตวันวานสุพรรณบุรี" ร่วมด้วยพระครูอนุกูลปัญญากร เจ้าอาวาสวัดไผ่โรงวัว เจ้าคณะอำเภอสองพี่น้อง นายเสฐียรพงศ์ มากศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และนายวิรัติ แข็งขัน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี โดยกำหนดจัดงานในระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2560 ณ วัดไผ่โรงวัว
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าการท่องเที่ยว จัดเป็นอุตสาหกรรมที่ตอบโจทย์ยุค 4.0 ที่สุดในแง่การสร้างรายได้สูง และกระจายเม็ดเงินสู่ภาคส่วนต่างๆได้ทั่วถึง ฉะนั้น การบริหารจัดการท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดความยั่งยืน จึงต้องเน้นที่การสร้างสรรค์ต่อยอดจากสิ่งที่ท้องถิ่นมีอยู่ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจเพิ่มขึ้น ภายใต้หลักการต้องกระจายประโยชน์จากท่องเที่ยวคืนสู่ท้องถิ่น ซึ่งสำหรับสุพรรณบุรี ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและสินค้าบริการทางการท่องเที่ยวที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้หลากหลาย จึงทำให้สุพรรณบุรีมีขีดความสามารถต่อการพัฒนาสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และคาดหวังถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวในยุค 4.0 ได้
ด้าน นายเสฐียรพงศ์ มากศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า สุพรรณบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม และสุพรรณบุรี กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งวิถีชีวิตชุมชน แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมประเพณี และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งด้วยกัน แต่ปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวบางแห่งได้ถูกลืมเลือนไปอย่างน่าเสียดาย ทางจังหวัดจึงอยากให้แหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวลืมเลือนไปกลับมามีชีวิตอีกครั้ง จึงได้กำหนดจัดงาน ย้อนอดีตวันวานสุพรรณบุรี ที่วัดไผ่โรงวัว หรือวัดโพธาราม ขึ้นมา เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางกลับมาท่องเที่ยวในจังหวัดสุพรรณบุรีอีกครั้ง โดยทางจังหวัดได้หยิบยกเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินมาที่วัดไผ่โรงวัว มาถ่ายทอดสู่สาธารณชนผ่านการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างรายได้ให้กับชาวสุพรรณบุรี รวมทั้งในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 โดยจังหวัดสุพรรณบุรีมีแนวคิดที่จะสนับสนุนการจัดงาน 2 ปีแรก และในปีถัดไปจะสนับสนุนให้ภาคเอกชนร่วมกันดำเนินการต่อไป ซึ่งจังหวัดสุพรรณบุรีคาดหวังให้การจัดงานนี้สามารถจัดติดต่อได้ทุกปีจนสามารถบรรจุงานนี้ให้อยู่ในปฏิทินท่องเที่ยวของประเทศไทย
ทั้งนี้ พระครูอนุกูล ปัญญากร เจ้าอาวาสวัดไผ่โรงวัว รองเจ้าคณะอำเภอสองพี่น้อง ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่วัดไผ่โรงวัว เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2512 โดยครั้งนั้น ทรงประกอบพระราชพิธียกพระเกตุมาลา "พระพุทธโคดม" พระพุทธรูปโลหะสำริดสีดำองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 17 ปี ในสมัยของหลวงพ่อขอม หรือ พระครูอุภัยภาดาทร อดีตเจ้าอาวาสรูปแรก ซึ่งชาวอำเภอสองพี่น้อง โดยเฉพาะชาวบ้านไผ่โรงวัว ถือว่าเป็นเหตุการณ์ในอดีตที่สำคัญ และเป็นมงคลสูงสุดที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่เปรียบมิได้
ด้านนายวิรัติ แข็งขัน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี ได้กล่าวถึงกิจกรรมภายในงานว่า ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การแสดงแสง สี เสียง ที่เรียกว่า 3D Mapping ซึ่งเป็นการใช้ฉากกราฟฟิก 3 มิติ ร่วมกับนักแสดงกว่า 100 คน ในชื่อชุดว่า "๒๐๐๐ มหัศจรรย์สุพรรณบุรี" จัดแสดงวันละ1 รอบ ในเวลา 20.00 น.โดยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของวัดไผ่โรงวัว และความรุ่งเรืองของจังหวัดสุพรรณบุรีตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยการแสดงในฉากที่ 8 ซึ่งเป็นฉากสุดท้าย จะเป็นการแสดงเทิดพระเกียรติสดุดีพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระนเรศวร กระทำยุทธหัตถี เพื่อรักษาเอกราชจนกระทั่งเข้าสู่ความรุ่งเรืองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 จวบจนรัชสมัยแห่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 โดยจะมีการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ไว้ด้วย เชื่อว่าทุกคนที่ได้เข้าชมจะต้องซาบซึ้งและประทับใจกับการแสดงชุดนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีการแสดงLight & Sound "ภูมินรกภพสวรรค์ แดนอัศจรรย์ หลังความตาย" ที่น่าตื่นตาตื่นใจ จำนวน 5 รอบต่อวัน และยังนำร้านค้าจาก 8 ตลาดเก่าชื่อดังเมืองสุพรรณ เช่น ตลาดสามชุก ตลาดเก้าห้อง ตลาดศรีประจันต์ ตลาดบางลี่ ฯลฯมารวมไว้อยู่ในที่เดียวกันด้วย เพื่อให้ทุกคนได้เซฟฟี่ และช้อปของอร่อยได้อย่างเพลิดเพลินใจ พร้อมด้วยความบันเทิงจากการแสดงคอนเสิร์ต "ศิลปินถิ่นสุพรรณ" และนักร้องชื่อดังที่สับเปลี่ยนกันมาอย่างต่อเนื่องทุกวัน ร่วมด้วยการแสดงจากหมู่บ้านชาติพันธุ์ต่างๆ นิทรรศการ "เมืองแห่งศิลปิน" และนิทรรศการกลุ่มจังหวัดภาคกลาง ตอนล่าง 1 ซึ่งการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งหมดนี้ จัดให้เข้าชมฟรีตลอดงาน ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2560 ทั้งนี้ จะมีจับสลากรายชื่อผู้โชคดีเพื่อรับของรางวัลติดมือกลับบ้านในแต่ละวันด้วย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit