นายกำจร คุณวพานิชกุล รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม เปิดเผยว่า "อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของประเทศมาโดยตลอด โดยมูลค่าการส่งออกปี 2559 สูงถึง 55,100 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกขยายตัวต่อเนื่องกว่า 7% สินค้าส่งออกหลักได้แก่ Home Appliance และกลุ่มสินค้า IT ขณะที่สินค้าโทรคมนาคมก็มีหลายกลุ่มที่ผลิตอยู่ เช่น สายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง สินค้า Support การควบคุมระบบโทรคมนาคมต่างๆ โดยตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ อเมริกา อาเซียน ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ตามลำดับ ขณะที่ตลาดในภูมิภาคอย่างตลาด CLMV ก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงเช่นกัน ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรุกตลาดนี้ ตลอดจนตลาดใหม่อื่นๆ ที่น่าจับตามอง เช่น ตะวันออกกลาง บังกลาเทศ และอินเดีย
รองประธานกลุ่มยังได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพรวมอุตสาหกรรมว่าสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยนั้นมีศักยภาพในการแข่งขันสูงมาก และสัญลักษณ์ของสินค้า Made in Thailand หรือสินค้าที่ผลิตในไทยนั้นก็ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกในด้านมาตรฐานการผลิตและคุณภาพของสินค้า นอกจากนี้ ไทยยังมีจุดแข็งในด้านระบบสาธารณูปโภค ตลอดจนวัตถุดิบต่างๆ ที่สามารถสนับสนุนอุตสาหกรรมได้ทั้งซัพพลายเชน ทำให้หลายแบรนด์ดังระดับโลกใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต
ด้านนางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เสริมว่า "ปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกในการผลิตและส่งออก ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) และผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศอันดับสองของโลก และผลิตตู้เย็นเป็นอันดับสี่ของโลก ดังนั้น เรื่องคุณภาพสินค้าจากประเทศไทยจึงเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างไม่ต้องสงสัย สินค้าที่ผลิตในประเทศไทยยังมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของแนวโน้มการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในปีนี้ นายกำจรกล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม มุ่งเน้นการสนับสนุนและกระตุ้นให้ผู้ประกอบการปรับตัวรับอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตและการบริการ อาทิ การใช้แขนกลในภาคอุตสาหกรรม การนำหุ่นยนต์มาใช้ในภาคธุรกิจบริการในรูปแบบของหุ่นยนต์ต้อนรับ รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมอุตสาหกรรมโดยให้ความสำคัญกับ Internet of Things หรือ IoTs ซึ่งเป็นการพัฒนาสินค้าอัจฉริยะด้วยการใช้นวัตกรรม เช่น เทคโนโลยีที่สามารถควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน หรือตั้งเวลาการเปิดปิดด้วย Mobile Application"Bangkok RHVAC และ Bangkok E&E ถือเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนที่จัดขึ้นเพื่อแสดงศักยภาพและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ทั้งในด้านคุณภาพสินค้าที่ได้มาตรฐานระดับสากล และในด้านนวัตกรรมสินค้าที่ตอบรับเทรนด์สินค้า โดย งาน Bangkok RHVAC 2017 จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด 'Eco Innovation for a Sustainable Future" โดยให้ความสำคัญกับสินค้าที่มิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่งาน Bangkok E&E 2017 จะจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ 'Smart Innovation for an Ultimate Lifestyle' เพื่อนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมต่อเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันแก่ผู้ใช้ โดยกรมฯ ตั้งเป้าทั้งสองงานมีผู้เข้าจัดแสดงสินค้าภายในงานกว่า 1,000 คูหา และมีผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 10,000 คน ทั้งจากในประเทศและกลุ่มผู้ซื้อในภูมิภาคเป้าหมาย และคาดว่าจะมีมูลค่าการสั่งซื้อสินค้าภายในงานไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท" อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าว
งานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น (Bangkok RHVAC 2017) และงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Bangkok E&E 2017) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 10 กันยายน 2560 เวลา 10.00-18.00 น. ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ผู้สนใจสามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าได้ที่ www.bangkok-rhvac.com และ www.bangkok-electricfair.com หรือโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169