นายประวิทย์ สันติ
วัฒนา กรรมการบริหาร
กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง เปิดเผยในโอกาสครบรอบ 40 ปี กลุ่มน้ำมัน รำข้าวคิง ว่า ปี 60 นี้ "กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง" จะรุกหนักทำการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์นันออยล์มากขึ้นในลักษณะพันธมิตรด้านวัตถุดิบ (Strategic ingredient) กับผู้ผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร – เครื่องสำอางไทย โดยเฉพาะ "ชอร์ตเทนนิ่งน้ำมันรำข้าวคิง" ซึ่งเป็นชอร์ตเทนนิ่งที่ผลิตจากน้ำมันรำข้าวรายแรกของโลก ปลอดภัยจากไขมันทรานส์ และมีกรดไขมันอิ่มตัวน้อย นอกจากนั้น ยังให้รสสัมผัสที่ดีกว่าชอร์ตเทนนิ่งทั่วไป และ "แป้งรำข้าวคิง" ที่มีใยอาหารสูง เป็นแหล่งของโปรตีน และวิตามินบี1 บี3 บี6 และบี 9 ปลอดกลูเตน (Gluten Free) และมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI) ใช้ทดแทนแป้งโฮลวีท แป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า หรือแป้งอื่นๆบางส่วน หรือใช้ผสมในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มต่างๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ เหมาะกับผู้ควบคุมน้ำหนัก และผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ยังมี Rice Butter และ Rice Bran Wax จากน้ำมันรำข้าว สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง โดยสามารถใช้แทนส่วนผสมที่นำเข้าจากต่างประเทศในการผลิตครีม โลชั่น และลิปสติก ซึ่งขณะนี้ มีตลาดทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจ ทั้งกลุ่ม CLMV ยุโรป ตะวันออกกลาง รวมทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
ส่วนผลิตภัณฑ์ในตลาดหลักอย่างน้ำมันรำข้าวคิง ซึ่งเป็นแบรนด์ Top of mind ของคนไทย* ด้วยยอดขายอันดับหนึ่งของประเทศ** ก็ยังคงพัฒนาต่อเนื่อง ล่าสุดปรับปริมาณโอรีซานอลเป็น 8,000ppm ในเกรดพรีเมี่ยม และ 4,000 ppm ในเกรดมาตรฐาน พร้อมติดโลโก้ "Produce from Thai Rice Bran 100%" เพื่อยืนยันว่าใช้เพียงรำข้าวไทยเท่านั้น เนื่องจากรำข้าวไทยมีคุณภาพสูง และไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม โดยคาดหวังยอดขายกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิงจะเติบโตถึง 6.5 พันล้านบาท คิดเป็น 8% จากปี 2559 ที่ผ่านมา