นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์นี้คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ จากปัจจัยต่างประเทศที่ยังกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ยังจะขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก ซึ่งค้านกับมุมมองของตลาด แต่ FED มองว่าจากข้อมูลที่มีอยู่โดยเฉพาะการว่าจ้างงานตลอดจนการบริโภคและแผนการลงทุนภาครัฐของรัฐบาล ทรัมป์ ที่กำลังจะออกมาในที่สุดจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และลดขนาดมาตรการเชิงปริมาณ (QE)ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดส่งผลกดดันต่อผลตอบแทนของตราสารหนี้สหรัฐฯ ให้ลดลงมาอยู่ ณ ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งในด้านหนึ่งเป็นผลดีกับเอเชีย โดยทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดเอเชีย รวมทั้งไทยปริมาณพอสมควร แต่เข้าไปที่ตลาดพันธบัตรมากกว่าตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ก็ยังช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเอเซียยังยืนอยู่ได้ และส่งผลให้ค่าเงินบาทและเงินในภูมิภาคแข็งค่าขึ้น
จุดสนใจของสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าอยู่ที่การลงมติของวุฒิสภาสหรัฐฯต่อ พ.ร.บ. Healthcare ใหม่ที่จะทดแทนObamacare ส่งผลให้ตลาดมีความระมัดระวังในการลงทุนก่อนการลงมติดังกล่าว เพราะหาก พ.ร.บ. ดังกล่าว ไม่ผ่านวุฒิสภาจะกระทบต่อสถานะความเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์ และอาจมีผลต่อการออกแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ด้วย
นอกจากนี้ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของ Markit ออกมาว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ยังขยายตัวอยู่แต่ชะลอตัวลงในเดือน มิ.ย. ทำให้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดไปได้ไม่ไกลนัก
ทำให้สัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1,576-1,587 จุด โดยจะต้องติดตามปัจจัยอื่น ๆ คือ ผลการประชุม World economic forum จัดขึ้นที่จีน ในวันที่ 27-29 มิ.ย. และธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทย ของเดือน พ.ค. ในวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย.
สำหรับ Trading Idea สัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำ หุ้น SCB ของ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นหุ้นเด่นในสัปดาห์นี้ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 185.00 บาท จากสินเชื่อของธนาคารที่ปรับตัวดีขึ้นและแนวโน้มที่ดีในอนาคตหนุนโดยเศรษฐกิจในช่วงขาขึ้น ในเดือน พ.ค. สินเชื่อ SCB เติบโต 0.8% MoM 5.2% YoY และ 1.1% จากสิ้นปี 59
เราคาดตัวเลขดังกล่าวจะเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลังและหลังจากนั้น หนุนโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยที่รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวในช่วงระหว่างงาน Thailand's Big Strategic Move ว่าโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญมูลค่ากว่า 2.4 ล้านล้านบาทจะถูกเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจาก ครม. ภายในปีนี้ และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปีหน้า สำหรับเฉพาะในปี 60 มีแผนการลงทุนภาครัฐที่ได้รับอนุมัติอยู่แล้วมูลค่าไม่ต่ำกว่า 9 แสนล้านบาท
นอกจากนั้นแล้ว สภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงตัวเลขส่งออกเดือน พ.ค.ที่เติบโต 13.2% YoY เร็วที่สุดในรอบ 4 ปี น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มธนาคารเช่นกัน รัฐบาลคาดเศรษฐกิจปี 60 จะเติบโตในช่วง 3.3-3.8% ดีขึ้นจาก 3.2% ในปี 59
"เราคาดสินเชื่อ SCB จะเติบโต 8% ในปี 60 และ 10% ในปี 61 ในแง่ของคุณภาพสินทรัพย์ อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage ratio) ณ ไตรมาส 1/60 ยังอยู่ในระดับที่ 133.4% สูงกว่าเป้าของธนาคารที่ 130% ทำให้ธนาคารมีแรงกดดันน้อยลงในการตั้งสำรอง เราคาดอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE)ปี 60 อยู่ที่ 14.6% สูงเป็นอันดับสองจากธนาคารทั้งหมด 9 แห่งที่เราศึกษา เราคาดกำไรจะเติบโต 8.1% ในปี 60 และ 8.4% ในปี 61 อีกทั้ง หุ้นดังกล่าวให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่อยู่ในระดับที่ดี 3.9%" นายวรุตม์ กล่าว
ด้าน Technical รูปแบบราคา (Price Pattern) ของ SCB มีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้งสัญญาณซื้อรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน มีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 155 บาท ซึ่งหาก Price Pattern ของ SCB มีความแข็งแกร่งที่มากพอด้วยการปิดตลาดเหนือ 155 บาท จะมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 165 บาท ทั้งนี้ SCB มีจุด Stop Lossระยะสั้นอยู่ที่ 153 บาท โดยมีแนวต้านที่ 154.50, 155.00, และ 155.50 บาท และมีแนวรับที่ 153.50, 153.00, และ 152.50 บาท
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit