นายอนุวัตร เฉลิมไชย แบรนด์ไดเร็คเตอร์ สำนักงานบริหารแบรนด์ ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า ตลาดอาคารเขียวปี 2559 มีมูลค่า 7,800 ล้านบาท และคาดว่าปี 2560 จะเติบโตขึ้น 8% สืบเนื่องจากเทรนด์วัสดุก่อสร้างสีเขียวเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น รวมถึงมีการผลักดันของภาครัฐบาลตามนโยบาย "การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว" (Green Procurement) ดังนั้น "เอสซีจี" ในฐานะผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการกลุ่มสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันสินค้าให้ได้รับรองมาตรฐานจากองค์กรและสถาบันต่างๆ อาทิ ฉลากเขียว, ฉลากคาร์บอน (SCG eco value), Green Industry เป็นต้น
โดยล่าสุดปูนซีเมนต์และท่อพีวีซี เอสซีจี เป็นรายแรกและรายเดียวที่ได้รับมาตรฐาน "ฉลากเขียว" (Green Label) ซึ่งมอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกัน จากสำนักงานเลขานุการโครงการฉลากเขียว สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับฉลากเขียวคือ ปูนงานโครงสร้าง เอสซีจี ซึ่งเป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 สำหรับงานโครงสร้างของบ้านพักอาศัย โครงสร้างขนาดใหญ่ งานสาธารณูปโภค งานคอนกรีตผสมเสร็จ และผลิตภัณฑ์ท่อเอสซีจี ได้แก่ ท่อพีวีซี สำหรับระบบประปาและระบายน้ำ และท่อพีวีซี สำหรับระบบสาธารณูปโภคและระบบประปาขนาดใหญ่
"บริษัทจะเดินหน้าสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่หลัก คือกลุ่ม B2B ทั้งผู้ประกอบการภาครัฐและเอกชน และกลุ่ม B2C ผู้รับเหมาและเจ้าของบ้านที่ต้องการสร้างบ้านประหยัดพลังงาน โดยจะใหความสำคัญกับการสื่อสารสัญลักษณ์รับรองฉลากเขียวบนบรรจุภัณฑ์ พร้อมตอกย้ำการเป็นรายแรกและรายเดียวของปูนซีเมนต์และท่อพีวีซี เอสซีจี ที่ได้รับฉลากเขียว ผ่านสื่อทั้ง Offline และ Online ขณะเดียวกันจะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในปี 60 ให้เพิ่มขึ้นเป็น 40% จากยอดขายวัสดุก่อสร้างทั้งหมด จากปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วนรายได้ในกลุ่มนี้อยู่ที่ 31%" นายอนุวัตร กล่าวสรุป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit