เมซง วาเลนติโน (Maison Valentino) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1960 โดยนักออกแบบแฟชั่นชื่อดัง วาเลนติโน การาวานี (Valentino Garavani) และหุ้นส่วน จิอานคาร์โล เจียมเม็ตติ (Giancarlo Giammetti) จนถึงวันนี้นับเป็นเวลา 57 ปีแล้ว ปัจจุบัน มิสเตอร์ วาเลนติโนได้ส่งต่อจิตวิญญาณแห่งงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์สู่ ปิแอร์เปาโล ปิคซิโอลี่ (Pierpaolo Piccioli) ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ ผู้สืบทอดความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่อง
ในฐานะผู้นำแห่งวงการแฟชั่น แบรนด์วาเลนติโนยังคงเป็นแบรนด์ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในโลก นำเสนอสินค้าลักซ์ชัวรี่หลากหลายรูปแบบ นับตั้งแต่เสื้อผ้าแฟชั่นชั้นสูง (Haute Couture) และเสื้อผ้าสำเร็จรูป (Pret-a-Porter) ไปจนถึงคอลเลกชั่นเครื่องประดับที่มีทั้งกระเป๋า รองเท้า เครื่องหนังขนาดเล็ก เข็มขัด แว่นตา ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมและน้ำหอม
สำหรับสาวกวาเลนติโนชาวไทย ก็ไม่เสียตำแหน่งผู้มีเทสต์ล้ำนำหน้าเทรนด์โลก เพราะวาเลนติโนถูกนำเข้าสู่ตลาดแฟชั่นไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 แล้ว โดยสายตาอันเฉียบคมของเจ้าพ่อ Luxury Retail เอ-ดนัย สรไกรกิติกูลซูเปอร์บอสแห่ง บริษัท เอ-ลิส คอร์ปอเรท (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดูแลซูเปอร์แบรนด์ระดับโลกอย่าง Valentino(วาเลนติโน), Jimmy Choo (จิมมี่ ชู), Chloe (โคลเอ) รวมถึงดูแลการผลิตและบริหาร แบรนด์ชั้นนำของเมืองไทยอีกมากมาย ทั้ง Boudoir by Di-saya (บูดัวร์ บาย ดิษยา), Something Boudoir (ซัมธิง บูดัวร์), The only Son (ดิ โอนลี ซัน), Matter Makers (แมทเธอร์ เมคเกอร์) โดยมีแบรนด์พี่ใหญ่คือ Disaya ดังนั้นหากจะถอดรหัสดีเอ็นเอของแบรนด์ วาเลนติโน แล้ว คุณเอ-ดนัย น่าจะเป็นผู้ถ่ายทอดได้กระจ่างที่สุด"หัวใจของวาเลนติโน คือ ความลักซ์ชัวรี่ ส่วนตัวผมคิดว่าความหรูหราไม่ได้หมายถึงเรื่องราคาค่างวดที่แพงจนเกินไป แต่แก่นแท้ที่แท้จริงคือ คุณภาพชั้นเลิศในทุกแง่ ที่สามารถสร้างความมั่นใจและความพึงพอใจให้แก่ตัวเราเองมากกว่า แน่นอนว่าจะต้องสวยถูกใจ ผลิตจากวัสดุชั้นดีที่ผ่านการคัดสรรคอย่างพิถีพิถันจากผู้เชี่ยวชาญ ตัดเย็บด้วยฝีมือช่างระดับโอต์กูตูร์ และราคาเหมาะสมกับกำลังทรัพย์ของเรา ถ้าเราเจอของชิ้นนั้นแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ
และสิ่งที่เป็นตัวบอกถึงดีเอ็นเอของวาเลนติโนได้อย่างชัดเจนที่สุดคือ หมุดพลาตินัมร็อคสตัด (Rockstud) ที่ดีไซเนอร์ออกแบบให้สร้างเสน่ห์ ปลุกจิตวิญญาณความชิคแห่งสตรีทสไตล์ให้กับไอเท็มต่างๆ ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด ไปจนถึงคอลเลกชั่นเสื้อผ้า ฯลฯ ทำให้แบรนด์วาเลนติโนที่เคยถูกผูกขาดไว้กับชนชั้นสูงและราชวงศ์ยุโรป กลายเป็นแฟชั่นไอเท็มหรูหราสำหรับคนรุ่นใหม่ที่สวมใส่ได้ตั้งแต่งานกาล่ายามค่ำคืนไปจนถึงงานเรียกเสียงแฟลชจากช่างภาพสตรีทแฟชั่นจากทุกหัวมุมเมือง นับตั้งแต่วันที่หมุดร็อคสตัดเปิดตัว หลายไอเท็มสร้างปรากฏการณ์ให้กับเทรนด์แฟชั่นเมืองไทย กลายเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ต้องมี อย่างเช่นที่ผ่านมา รองเท้าร็อคสตัดแองเคิลสแตร็พ (Rockstud Ankle Strap) ที่เซเลบฯ และดาราใส่กันทั่วเมือง"
ล่าสุดไอเท็มกระเป๋าสำหรับสุภาพสตรีคอลเลกชั่นที่เปิดตัวได้อย่างสวยงาม คือกระเป๋ารุ่น ร็อคสตัดสไปค์ (Rockstud Spike) ด้วยดีไซน์ที่บ่งบอกถึงหัตถศิลป์ของอิตาลีชั้นสูง บ่งบอกถึงต้นกำเนิดของความมั่งคั่งและวัฒนธรรม สะท้อนความปรารถนาที่จะก้าวข้ามแบบแผนประเพณีและกฎระเบียบด้วยทัศนคติแนวสตรีทร็อคที่คงไว้ซึ่งความร่วมสมัย ด้วยรูปทรงต้นแบบของกระเป๋าหนังรูปทรงสี่เหลี่ยมที่สื่อถึงความทรงจำอันคุ้นเคย ผนวกกับเทคโนโลยีการตัดเย็บอันทันสมัย การบรรจงจัดวางหมุดสตัดสัญลักษณ์แห่งวาเลนติโน ช่วยส่งให้กระเป๋าโดดเด่นยิ่งขึ้น ทำให้สไตล์พั้งค์กลายเป็นความสวยงามไปโดยปริยาย และยังนับเป็นหนึ่งในบทพิสูจน์เพิ่มเติมของแฟชั่นชั้นสูงอย่างโอต์กูตูร์ และเป็นการนำมาซึ่งเทรนด์อารยธรรมแบบใหม่ที่แสดงออกถึงบุคลิกเฉพาะตัวของผู้คนในยุคโมเดิร์นอีกด้วย
ส่วนฝั่งสุภาพบุรุษคอสนีกเกอร์ตัวยงต้องรู้จักรองเท้าผ้าใบรุ่น ร็อครันเนอร์ (Rockrunner) ของวาเลนติโนที่นำลายพรางคามูฟลาจ (Camouflage) สุดคลาสสิกมาเล่าในบริบทใหม่พร้อมเติม หมุดร็อคสตัดหลากหลายขนาดลงบนทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และพื้นรองเท้า ลายเซ็นสำคัญของแบรนด์
เพราะ 'รีเทล คือ ดีเทล' นักธุรกิจด้านลักซ์ชัวรี่แบรนด์อย่างคุณเอจึงใส่ใจในการทำงานทุกอย่าง ซึ่งผลงานที่ผ่านมานั้นเป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดี ยิ่งเป็นบริษัทเดียวที่ทั้งนำเข้าแบรนด์แฟชั่นระดับ ซูเปอร์แบรนด์และมีแบรนด์แฟชั่นของตัวเอง ยิ่งทำให้เข้าใจกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน เข้าใจการทำตลาด และเข้าใจลูกค้าได้ลึกซึ้ง ด้วยเหตุนี้เองที่ส่งให้แบรนด์วาเลนติโนกลายเป็นแบรนด์อินเตอร์ระดับท็อปที่นั่งใจคนไทยไปอีกนาน
ร่วมสัมผัสแฟชั่นระดับซูเปอร์แบรนด์จาก วาเลนติโน ได้ที่ช็อป ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้นเอ็ม โทร.02-129-4868 และ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ชั้นเอ็ม โทร.02-003-6111
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit