นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนสิงหาคม 2560 ว่า "เศรษฐกิจไทยในเดือนสิงหาคม 2560 ยังคงได้รับแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 13.2 ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 55 เดือน ประกอบกับการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ยังขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุนในเครื่องมือเครื่องจักรช่วยสนับสนุนให้การเติบโตมีความมั่นคงมากขึ้น สอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยด้านการผลิตที่ยังคงขยายตัวได้ในอัตราเร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรและจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ" โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดี สะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนสิงหาคม 2560 ขยายตัวร้อยละ 14.7 ต่อปี และเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 54 เดือน (นับตั้งแต่ เดือนมกราคม 2556) ส่วนปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนสิงหาคม 2560 ขยายตัว ร้อยละ 8.5 ต่อปี ซึ่งนับเป็นการขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 สำหรับปริมาณนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ในเดือนสิงหาคม 2560 ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 6.0 ต่อปีและเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกขยายตัวร้อยละ 3.9 ต่อเดือน นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ในเดือนสิงหาคม 2560 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 62.4 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคคาดหวังว่าเศรษฐกิจไทยในอนาคตจะปรับตัวดีขึ้นตามแนวโน้มการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี อีกทั้งมีโครงการลงทุนภาครัฐที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ดีในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนสิงหาคม 2560 ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 5.5 ต่อปี ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนสิงหาคม 2560 ขยายตัวที่ร้อยละ 5.8 ต่อปี และขยายตัวร้อยละ 2.8 ต่อเดือน จากยอดจำหน่ายรถกระบะขนาด 1 ตัน ในขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศในเดือนสิงหาคม 2560 กลับมาขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 6.1 ต่อปี สูงสุดในรอบ 17 เดือน (นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2559) และขยายตัวร้อยละ 4.2 ต่อเดือน สำหรับดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือนสิงหาคม 2560 ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.2 ต่อปี
ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน โดยการมูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือนสิงหาคม 2560 ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 13.2 ต่อปี สูงสุดในรอบ 55 เดือน และขยายตัวร้อยละ 7.3 ต่อเดือน ทั้งนี้ หมวดสินค้าสำคัญที่สนับสนุนการส่งออก เช่น ทองคำ อัญมณีและเครื่องประดับ เกษตรกรรม อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น ขณะที่ประเทศคู่ค้าที่ขยายตัวได้ดี เช่น อาเซียน-9 จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เป็นต้น สำหรับมูลค่าการนำเข้าในเดือนสิงหาคม 2560 ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 14.9 ต่อปี โดยกลุ่มสินค้าที่สนับสนุนการขยายตัวของการนำเข้า เช่น วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เชื้อเพลิง ทองคำ สินค้าทุน และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น ในขณะที่ดุลการค้าในเดือนสิงหาคม 2560 เกินดุลจำนวน 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านการผลิตได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรในเดือนสิงหาคม 2560 ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 17.1 ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวได้ดีของหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าวโพด กลุ่มไม้ผล ได้แก่ ลำไย เงาะ และมังคุด ตามฤดูกาลเก็บเกี่ยว รวมทั้งผลผลิตข้าวเปลือกที่ได้รับอานิสงส์จากการเหลื่อมเดือนเพาะปลูก และเหลื่อมเดือนเก็บเกี่ยว สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทย ในเดือนสิงหาคม 2560 มีจำนวน 3.13 ล้านคน ขยายตัวเร่งขึ้นเป็นร้อยละ 8.7 ต่อปี และขยายตัวร้อยละ 1.5 ต่อเดือน โดยเป็นนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีจากจีน มาเลเซีย เกาหลี และอินเดีย เป็นสำคัญ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) ในเดือนสิงหาคม 2560 อยู่ที่ระดับ 85.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 83.9 ในเดือนก่อนหน้า และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยได้รับปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นในกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่เป็นหลัก ตามภาวะคำสั่งซื้อ ยอดขาย และปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพภายนอกอยู่ในระดับที่มั่นคง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ร้อยละ 0.3 และ 0.5 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับอัตราการว่างงานในเดือนสิงหาคม 2560 อยู่ที่ร้อยละ 1.1 ของกำลังแรงงานรวม ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2560 อยู่ที่ระดับร้อยละ 41.8 ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 60 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2560 อยู่ที่ระดับ 196.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3.5 เท่า
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit