ปัจจุบัน CAT มีระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ จำนวน 6 ระบบ ประกอบด้วยระบบเคเบิล FLAG (Fiber Optic Link Around the Globe) ระบบเคเบิล SEA-ME-WE 3 (Southeast Asia-Middle East- Western Europe 3) ระบบเคเบิล TIS (Thailand Indonesia Singapore) ระบบเคเบิล SEA-ME-WE 4 (Southeast Asia-Middle East- Western Europe 4) ระบบเคเบิล AAG (Asia-America Gateway) และระบบเคเบิล APG (Asia Pacific Gateway) ซึ่งเป็นระบบล่าสุดที่เปิดให้บริการเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา
พอ.สรรพชัย กล่าวต่อไปว่า นอกจากเคเบิลใต้น้ำทั้ง 6 ระบบของ CAT ที่ให้บริการอยู่ เมื่อรวมกับการเปิดใช้งานของระบบเคเบิล AAE-1 จะทำให้เพิ่มความแข็งแกร่งในด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศในภาพรวมของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเมื่อมีการรวมธุรกิจโครงข่ายเชื่อมโยงระบบเคเบิลใต้น้ำและดาต้าเซ็นเตอร์ของ CAT และ TOT ภายใต้บริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGDC : Neutral Gateway and Data Center Company Limited) จะส่งผลให้ประเทศไทยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคได้ดียิ่งขึ้น โดยไทยจะมีโครงข่ายพื้นฐานระหว่างประเทศที่รองรับการใช้งานของไทยและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคได้อย่างเพียงพอทั้งปัจจุบันและอนาคต ตอบสนองการพัฒนาประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางการติดต่ออินเทอร์เน็ตและสื่อสารข้อมูลในภูมิภาคเอเชียอย่างมีเสถียรภาพ
"ระบบเคเบิลใต้น้ำที่ CAT ใช้งานอยู่มีมาตรฐานการจัดสร้างในระดับสูง มีความสามารถรองรับการใช้งานได้มากกว่า 54 เทราบิตต่อวินาที (Tbps) เมื่อรวมกับการเปิดระบบเคเบิลใหม่ครั้งนี้จะเพิ่มศักยภาพและเสถียรภาพในภาพรวมของโครงข่ายสื่อสารระหว่างประเทศของไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและดึงดูดผู้ประกอบการ Content ต่างๆ ทั้งจากไทยและจากต่างประเทศ ในการใช้ประเทศไทยเป็น Internet Hub ในการกระจายข้อมูลให้กับผู้ใช้บริการในภูมิภาค และสนับสนุนให้ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางอินเทอร์เน็ตของภูมิภาคอาเซียนตามเป้าหมายของรัฐบาล"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit