นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุ"ทกซูรี" ตั้งแต่วันที่ 15 – 19 กันยายน 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ สกลนคร เลย แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สตูล พังงา เชียงราย ลำปาง และชัยภูมิ รวม 34 อำเภอ 94 ตำบล 347 หมู่บ้าน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 9 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 3 จังหวัด รวม 14 อำเภอ 42 ตำบล 200 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสมเด็จ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอหนองกุงศรี อำเภอห้วยผึ้ง อำเภอนามน อำเภอห้วยเม็ก และอำเภอนาคู รวม 13 ตำบล 13 หมู่บ้าน ภาคเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพิษณุโลก อำเภอพรหมพิราม อำเภอชาติตระการ อำเภอวังทอง และอำเภอเนินมะปราง รวม 23 ตำบล 163 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,359 ครัวเรือน 26,255 คน ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ สตูล น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสตูล อำเภอละงู และอำเภอมะนัง รวม 7 ตำบล 39 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,078 ครัวเรือน 3,320 คน ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัย พร้อมนำเรือและรถขนย้ายให้บริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน รวมถึงจัดรถผลิตน้ำดื่มและรถไฟฟ้าส่องสว่างให้บริการแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ นอกจากนี้ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง โดย ปภ.ได้กำชับให้หน่วยปฏิบัติให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มกำลัง มุ่งเน้นการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยของผู้ประสบภัยเป็นหลัก พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเริ่มมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับฝนตกหนักบางแห่ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสานจังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมรับมืออุทกภัยและดินถล่ม โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำจุดเสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป