ดร.ทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า "กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะเพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้ได้ร้อยละ 25 ของพื้นที่ทั่วประเทศ ภายในปี 2569 โดยกรมฯ ได้ดำเนินการ เพื่อแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะใช้ยุทธศาสตร์หลัก 7ด้าน ได้แก่ 1.การสร้างความเข้าใจกับทุกภาคส่วน 2.จัดระเบียบคนและพื้นที่ 3.ป้องกันและรักษา4.ฟื้นฟูระบบนิเวศ 5.พัฒนาและส่งเสริมอาชีพ 6.สร้างจิตสำนึกและถ่ายทอดองค์ความรู้ และ7.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งนี้ หากทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจกันฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรม และอนุรักษ์ป่าต้นน้ำของภาคเหนือและในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ก็จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และชุมชนบนพื้นที่สูงให้สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างพอเพียง และยั่งยืนตามแนวทางพระราชดำริ ที่สำคัญช่วยให้ป่าต้นน้ำกลับมาสมบูรณ์ตามธรรมชาติอย่างยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ในปี 2559 กรมอุทยานฯ สามารถทวงคืนพื้นที่ป่าได้ทั้งสิ้น 140,000 ไร่ ส่วนในปี 2560 ตั้งเป้าหมายเอาไว้ 4,993 แปลง107,518.88 ไร่ ขณะนี้ดำเนินการได้ 60,000 กว่าไร่ ยังคงขาดพื้นที่ป่าตามเป้าหมายอีก 40,000 กว่าไร่ สำหรับข้อมูลสถานการณ์พื้นที่ป่าไม้ในอุทยานแห่งชาติ 150 แห่งทั่วประเทศ พื้นที่ 44,698,837.26 ไร่ โดยในพื้นที่ไม่มีสภาพป่าประมาณ 3,532,661.97 ไร่ หรือประมาณ 7 % แบ่งเป็นก่อนปี 2545 จำนวน 3,208,925.14 ไร่ และหลังปี 2545 จำนวน 323,736.83 ไร่ ในปี 2559 ได้กลับคืนมา 141,017.33 ไร่ สำหรับปี 2560 เป้าหมายประมาณ 107,000 ไร่ ซึ่งดำเนินการได้ 60,000 ไร่ ยังขาดอีก 40,000 กว่าไร่"
"ดร.ทรงธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า "กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ โดยสำนักอุทยานแห่งชาติ ได้มีการจัดทำโครงการ SMART NATIONAL PARK 4.0 พร้อมทำ Smart Platform ให้เป็นระบบศูนย์กลางการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ให้สามารถวิเคราะห์ แก้ไขปัญหา และวางแผนพัฒนาพื้นที่อุทยานให้มีการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า อย่างเหมาะสมและถูกต้องมากที่สุด สามารถเฝ้าระวังภัยคุกคามในพื้นที่อุทยานแห่งชาติด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลได้แบบ Real Time มีเชื่อมโยงแอพพลิเคชั่นครบตามความต้องการใช้งาน นอกจากเป็นการพัฒนาโครงการ Smart National Park 4.0 ยังได้มีการสร้างเครือข่ายในการเฝ้าระวังภัยคุกคาม การแจ้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ หรือขอความช่วยเหลือ (SOS) ได้อย่างทันท่วงที เป็นการช่วยในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างดี"
นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา กล่าวว่า อุทยานแห่งชาติศรีลานนามีพื้นที่รับผิดชอบ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่แตง อำเภอเชียงดาว อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วยสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์และเป็นป่าต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำปิงตอนบน มีสัตว์ป่านานาชนิด ส่วนพื้นที่ของหย่อมบ้านห้วยกันใจถูกจัดอยู่ในพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธารชั้น 1 Bหรือป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน (เขาหัวโล้น) และเป็นแหล่งกำเนิดลำน้ำสาขาที่ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชล แต่จากปัญหาการบุกรุกทำลายป่าไม้ เพื่อขยายพื้นที่ทำกินของชุมชนรุกล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่อุทยานฯ จึงเป็นที่มาของปัญหาความขัดแย้งกับชาวบ้านอย่างรุนแรง เนื่องจากชาวบ้านไม่เข้าใจและไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหา ทางอุทยานฯ จึงปรับแนวทางการดำเนินงานใหม่ โดยเน้นการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของชุมชนมากขึ้น พร้อมทั้งเปิดเวทีเจรจากันในชุมชน เพื่อเน้นย้ำให้ชาวบ้านตระหนักถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม และสร้างความเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าไม้ พร้อมทั้งนำอุปกรณ์เครื่องอ่านค่าพิกัดดาวเทียมหรือ GPS มาใช้เปรียบเทียบกับภาพถ่ายทางอากาศปี 2545 และภาพถ่ายทางอากาศในปัจจุบัน เพื่อกำหนดแนวเขตพื้นที่ป่ากับพื้นที่ทำกินของชาวบ้านให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งทุกขั้นตอนจะทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กับตัวแทนของชุมชน จนชาวบ้านยอมรับและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จึงนำไปสู่การคืนผืนป่าแล้วกว่า 1,300 ไร่
นอกจากนี้ ชุมชนยังร่วมกันกำหนดกติกาหมู่บ้านเพื่อเฝ้าระวังการบุกรุกป่าอย่างจริงจัง และได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนในการปลูกป่าบนเขาหัวโล้น โดยการมีส่วนร่วมแบบประชารัฐ จึงทำให้ชาวบ้านเกิดแนวคิดหยุดยั้งการบุกรุกทำลายป่าไม้และคืนพื้นที่ป่าให้กับอุทยานฯ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ส่งผลให้อุทยานมีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากท่านพระครูวรวรรณวิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดบ้านหลวง เจ้าคณะตำบลโหล่งขอด ประธานบูรณะวัดพระธาตุดอยเวียงชัยมงคล ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพระอนุรักษ์ป่าและเป็นแกนนำในการสร้างศูนย์เรียนรู้ในชุมชน จนกลายเป็นชุมชนต้นแบบการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และป่าต้นน้ำ
"ณ วันนี้ยืนยันได้ว่าในพื้นที่ อ.พร้าว ไม่มีการบุกรุกป่าอีกแล้ว โดยเราจะทำการบล็อคพื้นที่เอาไว้ เพื่อไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น โดยอาศัยความร่วมมือจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ และทางหน่วยต้นน้ำก็จะดำเนินการขับเคลื่อนต่อ ส่วนหน่วยพัฒนาที่ดินของกระทรวงเกษตรฯ ก็เข้ามาปรับปรุงพื้นที่ให้มีแหล่งน้ำ และสร้างฝายหลวงชะลอน้ำ และเจ้าหน้าที่จากโครงการหลวงก็เข้าไปส่งเสริมอาชีพให้กับชาวบ้านที่ยากไร้ไม่มีที่ดินทำกินให้มีรายได้เพิ่มขึ้น" หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา กล่าว
นายยศวัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนพื้นที่ที่ผ่อนผัน ทางอุทยานฯ ก็จะออกแบบให้ชาวบ้าน โดยมุ่งส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง และข้าวไร่พันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิม เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว พร้อมทั้งให้ชาวบ้านทำแนวกันไฟป่าอีกด้วย ซึ่งขณะนี้ทางอุทยานฯ ได้ทำการปักหลักซีเมนต์ล้อมรอบพื้นที่ทำกินไว้ทั้งหมดประมาณ 900 กว่าหลัก และในอนาคตถ้าชุมชนมีรายได้พอเพียง ทางอุทยานฯ ก็จะเจรจาขอลดพื้นที่ทำกินลงอีกเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำในตอนนี้คือ การเพิ่มพื้นที่ป่า และการสร้างจิตสำนึกให้คนอยู่ร่วมกับป่า โดยยึดแนวทางพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ว่า "ปลูกป่าในใจคน" และส่งเสริมพัฒนาอาชีพให้กับชุมชน อนุรักษ์ดินและน้ำ โดยส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ เพื่อลดต้นทุนการผลิต และสร้างความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit