“ทุ่งคา” มุ่งมั่นนำหุ้นกลับเข้า ซื้อ-ขาย ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

10 Oct 2017
ทุ่งคาฮาเบอร์ แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นเข้า ซื้อ-ขาย ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หลังปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เปิดตัวธุรกิจพลังงานทดแทน โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างผลการดำเนินงานของบริษัทให้เติบโตและมั่งคงในระยะยาว
“ทุ่งคา” มุ่งมั่นนำหุ้นกลับเข้า ซื้อ-ขาย ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายวิจิตร เจียมวิจิตรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทุ่งคาฮาร์เบอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินในดำเนินการปรับปรุงผลการดำเนินงานเพื่อให้เข้าเกณฑ์การขอกลับไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง โดยใช้ บริษัท ดิสคัฟเวอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางด้านการเงินชั้นนำของประเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูลบริษัท แผนธุรกิจ รายงานศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ รายการทรัพย์สิน และงบการเงิน นำไปจัดเตรียมเอกสารประกอบการเสนอขายหลักทรัพย์ ประสานงานกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่วนจะกลับเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้งได้เมื่อไรนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์ฯ "บริษัทฯ มุ่งมั่นในการปรับปรุงผลการดำเนินงาน เพื่อให้เข้าเกณฑ์การขอกลับไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยได้ดำเนินการตามแผนทุกอย่าง ตั้งแต่การยื่นขอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ การใช้หนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 500 ล้านบาท การเพิ่มทุนเพื่อขยายธุรกิจและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ล่าสุดได้มีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ ขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน" นายวิจิตร กล่าว

การดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทน บริษัทฯ มีโครงการที่ชัดเจนในแผนแล้ว 2-3 โครงการ ซึ่งธุรกิจผลิตไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่มีรายได้ที่แน่นอนในระยะยาว จะเป็นการสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้ในอนาคตอย่างมั่นคง ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนภายใน 5 ปี (ปี พ.ศ. 2560-2564) จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 100 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน ประมาณ 5,000 ล้านบาท และคาดว่าจะสร้างรายได้จากธุรกิจนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจอื่นๆ คือ ธุรกิจเหมืองหิน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการต่ออายุประทานบัตรเหมืองหินแอนดิไซต์ จังหวัดสระบุรี เดิมหมดอายุเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้ต่ออายุประทานบัตรออกไปอีก 15 ปี ทำให้หมดอายุในปี พ.ศ. 2567 พื้นที่ตามประทานบัตร 88-3-81 ไร่ ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวมีปริมาณสำรองหินเบื้องต้น 4.68 ล้านตัน อีกทั้งยังมีปริมาณหินที่เตรียมเข้าสู่สายการผลิตอีกกว่า 700,000 ตัน ทำให้บริษัทฯสามารถดำเนินกิจการเหมืองหินแอนดิไซต์ได้อย่างต่อเนื่อง และสร้างรายได้ที่มั่นคง เนื่องจากความต้องการใช้หินแอนดิไซต์สำหรับงานก่อสร้างมีการเติบโตมากขึ้น เป็นผลจากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ด้านสาธารณูปโภค อันเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ