นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ในวันที่ 7 ต.ค. ของทุกปี ถือเป็นวันคล้ายวันสถาปนากรมบัญชีกลาง โดยปีนี้กรมบัญชีกลางจัดงานครบรอบ 127 ปี (6 ต.ค. 60) ผ่านมาร้อยกว่าปี กรมบัญชีกลางยังคงยึดมั่นในการทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส เพื่อกำกับดูแลและบริหารการใช้จ่ายเงินของแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของส่วนราชการให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ในปีที่ผ่านมากรมบัญชีกลางได้พัฒนางานตามภารกิจกรมบัญชีกลาง ในด้านต่างๆ ที่สำคัญ รวมถึงดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงการคลังและรัฐบาล สำหรับผลงานที่สำคัญในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ได้แก่ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน – วันที่ 1 ตุลาคม 2560 มีผู้มีสิทธิมารับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว จำนวนกว่า 6 ล้านคน โดยผู้มีสิทธิได้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาใช้สิทธิซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ เป็นจำนวนมาก คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 181 ล้านบาท ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น แต่จากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่คลังจังหวัดและพาณิชย์จังหวัดยังพบอีกว่า มีร้านธงฟ้าประชารัฐบางแห่งเรียกเก็บบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิโดยได้รับความยินยอมจากผู้มีสิทธิ การกระทำความผิดกรณีดังกล่าวหรือกรณีอื่นที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถกระทำได้และอาจมีโทษตามกฎหมายด้วย ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิไม่จำเป็นต้องรีบซื้อสินค้าหรือใช้สิทธิสวัสดิการประเภทอื่นให้หมดวงเงินภายในเดือนตุลาคมเท่านั้น เนื่องจากกรมบัญชีกลางได้ยกยอดวงเงินคงเหลือสวัสดิการทุกประเภทของเดือนตุลาคม ให้ไปใช้ต่อได้ในเดือนพฤศจิกายน 2560 อีก 1 เดือน และขณะนี้กรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่รับลงทะเบียน พร้อมที่จะแจกบัตรแมงมุมให้ผู้มีสิทธิทั้ง 7 จังหวัด ในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ และเพื่อให้ผู้มีสิทธิได้รับความสะดวก จึงได้ให้เจ้าหน้าที่สำนักงานคลังจังหวัดลงพื้นที่ให้คำแนะนำ ช่วยในการแก้ไขปัญหา รับเรื่องร้องเรียน รวมทั้งติดตามผลการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และรายงานให้กรมบัญชีกลางทราบเพื่อปรับปรุงและพัฒนาต่อไป หากมีข้อสงสัยหรือต้องการแจ้งข้อมูลติดต่อได้ที่ Call Center บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หมายเลขโทรศัพท์ 02-109-2345 อีกช่องทางหนี่ง
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า สิ่งที่ท้าทายที่สุดในการทำงานของกรมบัญชีกลางนั้น คือการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินให้เป็นไปตามเป้าหมาย ในขณะที่อีกบทบาทหนึ่งต้องควบคุม ตรวจสอบการเบิกจ่ายให้เป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส บางครั้งจึงอาจทำให้การทำงานไม่เป็นไปตามการคาดการณ์ ซึ่งต้องกำกับและติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ทำให้ในปีงบประมาณ 2560 สามารถเบิกจ่ายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายมากที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา โดยเบิกจ่ายภาพรวมได้ 2,586,551 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 94.64 นอกจากด้านการจ่ายเงินแล้ว กรมบัญชีกลางยังดูแลด้านการรับเงินด้วย โดยปีงบประมาณ 2560 มีเงินสดรับเข้าเงินคงคลังผ่านระบบ GFMIS จำนวน 3.09 ล้านล้านบาท เป็นการนำส่งรายได้จำนวน 2.73 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการนำส่งรายได้ของส่วนราชการ รัฐวิสากิจ และเงินนอกงบประมาณที่ฝากเงินไว้จำนวน 3.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ นอกจากนี้ การดูแลเรื่องสุขภาพของข้าราชการ ผู้รับบำนาญ และบุคคลในครอบครัว โดยได้ปรับเพิ่มอัตราค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค เพื่อให้มีความสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และปรับเพิ่มการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) หรือเป็นกรณีที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือฉุกเฉินเร่งด่วน ทำให้การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลประจำปีงบประมาณ 2560 มีการเบิกจ่ายรวมทั้งสิ้น 73,658.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,642.46 ล้านบาท (เบิกจ่ายปี 2559 จำนวน 71,016.40 ล้านบาท) อีกทั้งได้ประกาศพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา พร้อมทั้งออกกฎหมายลูกเพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับว่าเป็นกฎหมายฉบับแรกที่ทำให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เป็นมาตรฐานเดียวกัน
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวทิ้งท้ายว่า หลักการในการทำงานทุกวันนี้ คือ "กำกับแบบเข้าใจ คาดหวังได้ในบริการ" โดยให้บุคลากรของกรมบัญชีกลางทำงานแบบมีส่วนร่วม พร้อมเน้นย้ำให้ทุกคนใช้การสื่อสาร และทำความเข้าใจกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ เป็นไปตามเป้าหมาย และพร้อมให้บริการกับทุกภาคส่วนด้วยจิตให้บริการที่เป็นเลิศ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit