ปัจจุบันกลิ่นหอมมีคำจำกัดความมากกว่าแค่ช่วยดับกลิ่นเหม็น หรือเพิ่มความมั่นใจ เพราะกลิ่นสามารถบ่งบอกตัวตน รสนิยมและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ ยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นยังช่วยบำบัดอารมณ์ ช่วยผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า กลิ่นจึงมีอิทธิพลต่อชีวิตของคนเราอย่างมีนัยสำคัญ ทุกวันนี้กลิ่นน้ำหอมจึงมีความหลากหลายและอรรถประโยชน์มากขึ้น ไม่ใช่เพียงจำนวนกลิ่นที่เพิ่มขึ้น แต่ยังรวมถึงรูปแบบการใช้งานด้วย นอกเหนือจากน้ำหอมที่ใช้กับร่างกายแล้ว น้ำหอมสำหรับบ้านกลายเป็นตัวเลือกใหม่ที่ช่วยเพิ่มอิสระให้ทุกคนเลือกสรรน้ำหอมที่เหมาะสม ตรงกับความพึงพอใจและการใช้งานมากที่สุด รวมทั้งช่วยแก้ปัญหา และอาจกระตุ้นแรงบันดาลใจสร้างสรรค์ศิลปะหลากแขนงได้อีกด้วย
ลอมป์ เบอร์ชเย่ ปารีส แบรนด์ตะเกียงน้ำหอมฟอกอากาศภายในบ้านต้นตำรับจากฝรั่งเศส ซึ่งมุ่งเน้นความพิถีพิถันทุกขั้นตอนการผลิต โดยให้ความสำคัญกับการผลิตน้ำหอมด้วยกระบวนการ Catalytic Diffusion System ทำงานฟอกอากาศและแผ่กลิ่นหอมในเวลาเดียวกัน (Dual Action) และใส่ใจระดับความหอมตั้งแต่วินาทีแรกจนกระทั่งหอมยาวนาน (The Nose) จึงได้ส่งน้ำหอมทั้ง 5 กลิ่นใหม่ในหมวด Dreams of Freshness อย่าง Tomato Leaves และ Radiant Bergamot ตลอดจนหมวดความหอม Oriental Dreams อย่าง Amber Powder และ Dreams of Flower คือ Floral Passion กับ Timeless Rose ออกสู่ตลาดเมืองไทย ทิ้งทวนสายฝน ต้อนรับลมหนาวปลายปีนี้ พร้อมสร้างความแปลกใหม่ในวงการเครื่องหอมผ่านความคิดสร้างสรรค์ของเอ็กเซ็คคิวทีฟเชฟแห่งโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ โดย Jan van Dyk ได้ท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง นำกลิ่นเหล่านั้นมาเป็นแรงบันดาลใจรังสรรค์เมนูอาหารให้กับงานเทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลกครั้งที่ 18 (18th World Gourmet Festival 2017) ที่ผ่านมา ซึ่งผลตอบรับจากแขกที่มาร่วมงาน อาทิ เจ้าของร้านอาหาร โรงแรม และคนในวงการ Food Service ต่างตื่นเต้นและอิ่มเอมใจหลังจากทดลองกลิ่นหอม และสัมผัสรสชาติอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลิ่นต่างๆของลอมป์ เบอร์ชเย่ ปารีส ซึ่งความประทับใจเหล่านั้นสะท้อนให้เห็นว่า ความหอมสามารถสัมผัสได้จริง และสามารถสร้างสรรค์ออกมาเป็นงานศิลปะที่จับต้องได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง
ในบรรดาน้ำหอมทั้ง 5 กลิ่นใหม่ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีเสน่ห์ซ่อนเร้นที่แตกต่างกัน สำหรับ Tomato Leaves นั้นประกอบด้วยกลิ่นกรีนโน๊ต กลิ่นสดชื่น ใบมะเขือเทศ ใบมิ้นท์ ไม้จันทน์หอม หญ้าแฝกหอม รับรู้ได้ถึงความสดชื่นของใบมะเขือเทศ ช่วยให้หายใจอย่างสบาย เสริมสมาธิ ปรับระบบการหายใจให้ปกติ มองโลกในแง่ดี และเสริมสร้างจินตนาการ ส่วน Radiant Bergamot ที่ส่งกลิ่นส้มแมนดารินในตอนแรก และให้กลิ่นสมุนไพรอย่างกระวาน ผลมะกรูด ใบมะกรูด พริกไทยดำ ลอยมาแตะจมูก ปิดท้ายด้วยดอกส้มและดอกมะลิ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจและพลังใจ เติมพลังให้ชีวิต และยังช่วยกระตุ้นระบบทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดี มาถึง Amber Powder ตัวแทนของเครื่องหอมที่ได้จากความหลากหลายของธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งดอกกุหลาบ อบเชย พริกไทย ไม้จันทน์หอม พิมเสน อำพัน วานิลลา ขี้ผึ้งและไวท์มัสค์ ช่วยสร้างความสงบในจิตใจ เสริมความคิดในเชิงบวก ช่วยต่อต้านอาการซึมเศร้าและความกังวลได้ ด้าน Floral Passion คือการรวมตัวของดอกไม้นานาพันธุ์ อย่างดอกโบตั๋น ดอกมะลิ ดอกไอริส พราลีน มัสค์ ไม้สนซีดาร์ และลูกพีช เพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ทำให้หลับสนิทยาวนาน ลดความประหม่าตื่นเต้นและสร้างพลังหยินให้กับคนในบ้านได้ ปิดท้ายที่ Timeless Rose ส่งกลิ่นหอมหวานแบบฉบับผู้หญิงเต็มตัว ด้วยกุหลาบเมย์ ดอกไฮยาซิน ดอกไวโอเล็ต ไวท์ฮันนี่ มัสค์ กลิ่นมหาสมุทร กรีนโน๊ตและแอปเปิ้ล ทำให้ผู้ใช้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ขจัดความกังวล ประหม่าและความเครียด ช่วยสร้างความสมดุลทางเพศและยังป้องกันการเกิดอาการซึมเศร้าได้เช่นกัน
นอกจากน้ำหอมทั้ง 5 กลิ่นใหม่ล่าสุดที่นำเสนอแล้ว ลอมป์ เบอร์ชเย่ ปารีส ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนที่สนใจสร้างความหอมภายในบ้านเพื่อสร้างบรรยากาศสุดพิเศษ และผู้ที่ศรัทธาในพลังกลิ่นหอมได้มาสนุกกับการทดลองน้ำหอมมากกว่า 50 กลิ่นได้ที่ Perfume Bar ของ Lampe Berger Paris ทุกสาขา เพื่อเลือกกลิ่นหอมเฉพาะตัว และจุดประกายไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ในแบบฉบับของตัวเองเคล็ดลับเลือกน้ำหอมที่ชอบ+ใช่
หลายคนยังเลือกกลิ่นน้ำหอมสำหรับใช้ภายในบ้านแบบผิดวิธี จึงไม่ได้ครอบครองกลิ่นน้ำหอมที่ใช่และชอบที่สุดสักที นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผู้ซื้อควรเรียนรู้วิธีการเลือกและลองน้ำหอมที่ถูกต้องที่สุดก่อนเดินเข้าร้าน
1. ทำการบ้านมาก่อน ควรเลือกร้านที่มีกลิ่นน้ำหอมให้เลือกจุใจและหลากหลาย รวมทั้งเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ใช้เวลาเลือกกลิ่นน้ำหอมได้เต็มที่ โดยไม่กดดันหรือยัดเยียดความชอบด้วยเหตุผลทางการตลาด และถึงแม้ที่ร้านจะให้ลูกค้าทดลองกลิ่นได้อย่างอิสระ แต่ผู้ซื้อควรมี "หมวดหมู่กลิ่นน้ำหอม" ไว้ในใจหรือมีวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เพื่อจะได้โฟกัสกลิ่นที่โปรดปรานที่สุดในบรรดากลิ่นหอมมากมายหลายสิบหลายร้อยกลิ่นที่มีให้เลือก
2. ดมผ่านกระดาษสำหรับทดลองกลิ่น นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการเลือกน้ำหอม เพราะจะได้รับกลิ่นที่ชัดเจนที่สุดโดยไม่ผ่านตัวแปรใดๆที่จะทำให้กลิ่นเปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง
3. ใช้เวลารับกลิ่น ค่อยๆบรรจงรับรู้มาตรฐานความหอมจากเดอะโน้ส (The Nose) ที่มีอยู่ 3 ระดับ จาก Top note กลิ่นแรกที่จะได้รับทันทีที่ฉีดน้ำหอม และใช้เวลาอีกสักครู่เพื่อให้ได้กลิ่น Middle note ซึ่งจะเป็นกลิ่นกลางที่เป็นคาแรคเตอร์หลัก จนมาถึง Base note กลิ่นพื้นฐานเข้มข้นที่สุดที่เหลืออยู่
4. เลือกกลิ่นที่โดนใจที่สุด เพื่อสะท้อนตัวตนและเอกลักษณ์ของผู้ใช้ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในร้านเพื่อสอบถามว่าในบรรดาตัวเลือกที่ชอบนั้น เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการใช้งานหรือไม่
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit