นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำตอนล่างกับกรมชลประทาน และการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 30 กันยายน – 5 ตุลาคม 2560 ประเทศไทยจะมีฝนตกหนัก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งมีแนวโน้มฝนตกหนักร้อยละ 60 – 70 ของพื้นที่ ประกอบกับมีภาวะน้ำทะเลหนุนสูงสุดในวันที่ 9 – 10 ตุลาคม 2560 อาจส่งผลให้เกิดน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ลุ่มต่ำและริมลำน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ประสานจังหวัดเสี่ยงภัย 10 จังหวัดภาคกลาง ดังนี้ ชัยนาท 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมโนรมย์ อำเภอเมืองชัยนาท และอำเภอสรรพยาสิงห์บุรี 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอบางระจัน อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอค่ายบางระจัน และอำเภอพรหมบุรีอ่างทอง 3 อำเภอ ได้แก่อำเภอผักไห่ อำเภอเมืองอ่างทอง และอำเภอป่าโมก ลพบุรี 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชัยบาดาล อำเภอพัฒนานิคม และอำเภอท่าวุ้ง สระบุรี 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังม่วง อำเภอแก่งคอย อำเภอเมืองสระบุรี และอำเภอเสาไห้ พระนครศรีอยุธยา 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมหาราช อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางไทร และอำเภอบางปะอิน สุพรรณบุรี 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเดิมบางนางบวช อำเภอสามชุก อำเภอศรีประจันต์ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง ปทุมธานี 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอสามโคก นนทบุรี 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนนทบุรี และอำเภอปากเกร็ด และสมุทรปราการ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระประแดง และอำเภอพระสมุทรเจดีย์ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักและผลกระทบจากภาวะน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลัน โดยได้เน้นย้ำให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์น้ำท่า น้ำฝน และน้ำทะเลหนุนอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ริมลำน้ำ และพื้นที่ที่เคยประสบปัญหาอุทกภัยให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ภัยในช่วงฝนตกหนักสะสมในพื้นที่และช่วงเวลาที่มีน้ำทะเลหนุนสูง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่ติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป