ดร.อรรชกา กล่าวในพิธีว่า "ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถอย่างหาที่เปรียบมิได้ เป็นที่ประจักษ์ทั้งชาวไทยและ ชาวต่างประเทศมาโดยตลอด คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓ เห็นชอบให้เทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะที่ทรงเป็น "พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย" และรัฐบาลกำหนดให้วันที่ ๑๙ ตุลาคม ของทุกปี เป็น "วันเทคโนโลยีของไทย" เพื่อระลึกถึงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๑๕ ที่ทรงอำนวยการสาธิตฝนหลวงสูตรใหม่ครั้งแรกของโลกด้วยพระองค์เอง ที่เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้ในส่วนของพระราชกรณียกิจพระองค์ที่พระราชทานให้แก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า เป็นสิ่งที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯจะต้องสานต่อสำหรับโครงการในพระราชดำรินั้น มีกว่า 4,000 โครงการมีประโยชน์ต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า อาทิ การบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาการเกษตร การพัฒนาสาธารณสุข การใช้ประโยชน์จากภาพถ่ายดาวเทียม การใช้เครื่องมือทางด้านวิทยาศาสตร์ในการตรวจสอบสภาพน้ำตลอดจนการพัฒนาการเกษตรยุคใหม่ ระบบแก้มลิง กังหันน้ำชัยพัฒนา สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และพยายามพัฒนาประเทศ มีจิตสาธารณะและนำเอาแบบอย่างที่พระองค์ได้วางไว้ไปขยายผลต่อในวงกว้าง โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย"
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่พรั่งพร้อมด้วยทศพิธราชธรรม ทรงอุทิศพระวรกายประกอบ พระราชกรณียกิจ เพื่อปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าอย่างต่อเนื่อง ทรงพระราชทานความช่วยเหลือ บำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎร สมดังพระปฐมบรมราชโองการ "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ด้วยพระอัจฉริยภาพล้ำลึก เปี่ยมด้วยพระปรีชาญาณด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยทรงค้นคว้าวิจัยและทรงนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้พ้นจากความทุกข์ยาก มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถพึ่งตนเองได้ ทั้งนี้ ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถ ตลอดจนพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของพระองค์ดังประจักษ์ แก่ชาวโลก จากโครงการอันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริต่างๆ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นแก่ชาวไทยทั้งมวล
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit