นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวว่า "จากรายงานขององค์การอนามัยโลก พบว่า ในภูมิภาคอาเซียน สาเหตุการตายของเด็กอายุต่ำกว่า ๕ ปี ร้อยละ ๗๒ มาจากการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งมักมีภาวะพิการแต่กำเนิดร่วมด้วย โดยประเทศไทยในแต่ละปีมีทารกเกิดใหม่ปีละ ๗๐๐,๐๐๐ คน เป็นทารกเกิดก่อนกำหนดประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คน และยังพบภาวะพิการแต่กำเนิดถึง ๓% อาทิ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ภาวะแขนขาพิการ ปากแหว่งเพดานโหว่ กลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม และภาวะน้ำคั่งในสมองแต่กำเนิด เป็นต้น นับเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ทำให้เสียชีวิต ซึ่งทารกกลุ่มนี้ต้องเข้ารับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดภายในควบคุมอุณหภูมิร่างกายทารกเรียกสั้นๆ ว่า "ตู้อบ" ปัจจุบัน สถาบันฯ มีตู้อบเพียง ๖๕ ตู้ ซึ่งใช้งานมาเกิน ๑๒ ปีกว่าๆ ถึง ๒๕ ตู้ โดยใช้ตู้อบจำนวน ๔๕ ตู้ในใช้ดูแลทารกที่ไม่มีการเจ็บป่วยรุกรามมากนัก และตู้อบอีก ๑๐ ตู้ ในการดูแลทารกภาวะวิกฤตที่ต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์มากมาย เพราะทารกกลุ่มนี้มักมีอาการแทรกซ้อนต่างๆ อาทิ ภาวะปอดไม่สมบูรณ์ ทำให้หยุดหายใจ ภาวะโรคปอดเรื้อรัง ปัญหาลำไส้ การติดเชื้อในกระแสเลือด การมองเห็น การได้ยิน รวมทั้งพัฒนาการโดยรวมและน้ำหนักตัวที่น้อยของทารก เป็นต้น ซึ่งบางรายอาจต้องดำเนินการผ่าตัดหรือช่วยชีวิตทารกอย่างเร่งด่วน"
ข้อดีตู้อบสมัยใหม่ เพื่อช่วยเหลือทารกคลอดก่อนกำหนด มีคุณสมบัติดังนี้
๑. มีระบบควบคุมอุณหภูมิทารก ทั้งวิธีใช้ อุณหภูมิกาย (skin mode) หรือใช้อุณหภูมิสิ่งแวดล้อมในตู้อบ (air mode)
๒. มีระบบปรับความชื้น (humidity) ให้เหมาะสมกับน้ำหนักและอายุครรภ์ทารก
๓. มีระบบการชั่งน้ำหนักทารก และสามารถเก็บบันทึกเพื่อติดตามการเจริญเติบโตของทารกได้ โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายทารก ทั้งนี้เพราะทารกวิกฤตมักจะมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตติดตามตัวมากมายหลายชนิด การเคลื่อนย้ายทารกอาจทำให้เกิดอันตรายได้
๔. Incubator with radiant warmer มี ๒ ระบบ คือ เป็น incubator และ เปิดฝาตู้อบขึ้น จะสามารถเปลี่ยนเป็น radiant warmer (เครื่องให้ความอบอุ่นสำหรับทำหัตการ)ได้ ทำให้ไม่ต้องเคลื่อนย้ายทารกออกจากตู้อบเพื่อทำหัตถการต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มทารกน้ำหนักน้อยซึ่งมีความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนจากภาวะตัวเย็นได้
๕. มีไฟส่องขณะทำหัตถการต่างๆที่สำคัญ เช่น การใส่สายสวนสะดือ การใส่สายสวนหลอดเลือด
๖. ใช้ระบบ touch screen ในการตั้งค่าต่างๆ และมีระบบเก็บข้อมูลสามารถเปิดดูย้อนหลังได้ ซึ่งนับเป็นผู้ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของทารกได้
การควบคุมอุณหภูมิกายของทารกเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ทารกที่บอบบางต้องได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิร่างกายที่ไม่คงที่ ตู้อบจะช่วยควบคุมอุณหภูมิทารกให้คงที่ โดยที่แพทย์จำเป็นต้องสังเกตอาการของทารกที่นอนในตู้อบ โดยไม่ใส่เสื้อ ตลอดจนการให้อาหารทางสายในทารกตัวน้อยที่ยังดูดกลืนไม่เป็น แพทย์ก็ต้องสังเกตการรับนมทางหน้าท้อง และเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งทารกมีความพร้อม สามารถหายใจได้เอง ไม่หอบ น้ำหนักตัวดีขึ้น สามารถดูดกลืนเองได้ดี ออกจากตู้อบและอุณหภูมิตามปกติ ไม่มีภาวะแทรกซ้อน รวมทั้งให้แม่ได้ฝึกเลี้ยงทารกจนมั่นใจว่าสามารถดูแลที่บ้าน ติดตาม และนัดตรวจสุขภาพร่างกาย ทุก ๑-๒ สัปดาห์ เพื่อติดตามและสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
"ปัจจุบัน น้องอันนา หรือเด็กหญิงอลินนา ศรีประเสริฐ วัย ๑ ขวบ ๕ เดือน ไม่น่าเชื่อว่าเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วยภาวะครรภ์เป็นพิษ เมื่ออายุครรภ์เพียง ๖ เดือน น้ำหนักแรกคลอด ๕๐๐ กรัม และมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องอยู่ในตู้อบที่อาจมีค่าใช้จ่ายกว่า ๑ ล้านบาทต่อเดือน แต่ด้วยการดูแลรักษาจากโรงพยาบาลเด็กแห่งเดียวในประเทศ ทำให้ปาฏิหาริย์ที่พ่อแม่เฝ้ารอเป็นจริง คุณพ่อวริษฏ์ ศรีประเสริฐและคุณแม่ปิยะพร มลชัยกุล" กล่าว
ดูแลและป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
แม้ว่าความเจริญทางการแพทย์จะสามารถช่วยให้เด็กที่คลอดออกมาก่อนกำหนดมีชีวิตอยู่รอดได้มากขึ้นกว่าในอดีต แต่ก็ยังพบว่ามีทารกอีกจำนวนมากที่มีความพิการหรือเสียชีวิต จึงมีความจำเป็นที่จะต้องป้องกันไว้ก่อน ดังนี้
๑. ส่งเสริมสุขภาพของคุณแม่ให้ดีก่อนการตั้งครรภ์ และเมื่อตั้งครรภ์แล้วควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อฝากครรภ์และปฏิบัติตนตามที่ได้รับคำแนะนำ รวมถึงไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งอย่างสม่ำเสมอ
๒. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง อาทิ งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงความเครียด ลดการทำงานหนักหรือออกกำลังกายเป็นเวลานานๆ หรือยกของหนัก และไม่เดินทางไกลโดยไม่จำเป็น
๓. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างสมดุล เพราะจากการศึกษาที่พบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์น้อยหรือมีภาวะขาดสารอาหาร และมีการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวน้อยตลอดการตั้งครรภ์ จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์กับการคลอดก่อนกำหนด
๔. เสริมแคลเซียมเพื่อช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและอาการแทรกซ้อนจากภาวะครรภ์เป็นพิษได้แล้ว การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอในแต่ละวันยังช่วยป้องกันการคลอดก่อนกำหนดในผู้หญิงที่มีประวัติหรือมีความเสี่ยงสูง รวมทั้งดื่มน้ำให้ได้วันละ ๘ แก้วเป็นอย่างต่ำ เพื่อรักษาความชุ่มชื่นของร่างกาย
๕. รับประทานวิตามินที่จำเป็นระหว่างตั้งครรภ์
๖. ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ไม่อั้นปัสสาวะเพราะการอั้นปัสสาวะบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะได้
๗. ระวังเรื่องน้ำหนักตัว น้ำหนักตัวของคุณแม่ในระหว่างตั้งครรภ์ที่เพิ่มมากเกินไปหรือน้อยเกินไป อาจเพิ่มปัจจัยเสี่ยงให้คุณแม่คลอดลูกก่อนกำหนดและลูกที่มีน้ำหนักตัวน้อยได้ คุณแม่จึงควรมีการเพิ่มน้ำหนักขึ้นในระดับที่เหมาะสม
๘. พยายามหลีกเลี่ยงหรืองดการมีเพศสัมพันธ์
๙. การใช้ยาลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อมดลูกตามที่สูติแพทย์แนะนำ หรือตรวจคัดกรองเพื่อดูว่าคุณแม่มีความเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่
นายแพทย์สมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า "สถาบันสุขภาพเด็กฯ ได้วางนโยบายเพื่อเป็น ศูนย์ดูแลทารกแรกเกิดป่วยและพิการครบวงจร ประกอบด้วย ๑. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านทารกแรกเกิด ๒. ศูนย์ความเป็นเลิศโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และ ๓. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านศัลยกรรมทารกแรกเกิด และศูนย์ความชำนาญพิเศษ (COSE: Center of Special Expertise) อีก ๖ ศูนย์ ได้แก่ ตา, โสต ศอ นาสิก, กระดูกและข้อ, กายภาพบำบัด, พัฒนาการเด็ก และนมแม่ ซึ่งแต่ละปีมีผู้ป่วยเด็กที่เข้ารับการรักษาและรับส่งต่อมารักษาจากโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มากกว่า ๒,๐๐๐ คน โดยมีเตียงรองรับได้พร้อมกันเพียง ๑๐๐ เตียง และตู้อบทารกแรกเกิดเพียง ๖๕ ตู้ ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการรองรับและให้บริการของสถาบันฯ ในปัจจุบัน ดังนั้น สถาบันฯ จึงได้จัดตั้งโครงการ "ให้โอกาสความรัก ให้โอกาสชีวิต (Give love a chance, Give life a chance)" เพื่อระดมทุนจัดซื้อเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ชั้นสูง ในการสนับสนุนการรักษาและบริการของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โดยสามารถร่วมบริจาคผ่านช่องทาง โทร. ๐๘๘ ๘๗๔ ๔๖๗๑