เปิดใจช่างซ่อมรองเท้าของพ่อ “ช่างไก่” ชีวิตนี้ตายไปก็ไม่เสียดาย

17 Oct 2017
วันจันทร์ ที่ 23 ตุลาคมนี้ พบรายการ "กาลครั้งนั้นของฉันกับในหลวงรัชการที่ 9"กับเรื่องราวความประทับใจเกี่ยวกับพระองค์ท่าน แขกรับเชิญในค่ำคืนนี้ "ศรไกร แน่นศรีนิล"หรือ "ช่างไก่" ช่างซ่อมฉลองพระบาท ผู้ถวายงานซ่อมฉลองพระบาทมานานกว่า 10 ปี
เปิดใจช่างซ่อมรองเท้าของพ่อ “ช่างไก่” ชีวิตนี้ตายไปก็ไม่เสียดาย

"ช่างไก่" ได้เล่าความประทับใจว่า "ครั้งแรกที่ได้ซ่อมฉลองพระบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประมาณปลายปี พ.ศ.2545 มีลูกค้ารายหนึ่งเดินประคองรองเท้าเข้ามาในร้าน พอวางรองเท้าก็ก้มลงกราบ ผมเลยถามว่าเอาอะไรมาให้ผม เขาแนะนำตัวเองว่าเป็นมหาดเล็กจากในวังและตอบกลับมาว่าเป็นฉลองพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พอได้ยินก็แบบโอ้โฮ ! ขนลุกซู่ พูดอะไรไม่ออก คิดว่าเราโชคดีมาก ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้ซ่อมรองเท้าของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน สภาพรองเท้าชำรุดมากครับ ซับในหลุดลุ่ยทั้งหมด ถ้าเป็นเศรษฐีคงทิ้งไปนานแล้ว ผมแค่คิดเองว่าพระองค์ท่านอาจทรงเห็นว่าสภาพหนังด้านนอกยังดีอยู่ก็ได้ และเท่าที่ถามมหาดเล็กเขาบอกว่าเป็นฉลองพระบาทคู่โปรด พอซ่อมรองเท้าเสร็จ ก็คิดว่าจะนำรองเท้าคู่นี้ไปวางไว้ตรงไหนดี เพราะเป็นของในหลวง จะไปวางปนกับของลูกค้าคนอื่นคงดูไม่เหมาะไม่ควร จึงได้สั่งให้ลูกน้องในร้านไปซื้อพานมาใบหนึ่ง พร้อมกับผ้าสีเหลืองมารอง แล้วนำไปวางไว้ที่สูงที่สุดในร้าน หลังจากนั้นก็ได้ถวายงานซ่อมฉลองพระบาทอีกหลายคู่ ในชีวิตไม่เคยเข้าเฝ้าพระองค์ท่านเลย นอกจากได้ซ่อมแล้ว ผมก็ได้มีโอกาสทำคู่ใหม่ถวายพระองค์ท่านด้วยซึ่งส่วนตัวผมไม่เคยเข้าเฝ้าพระองค์ท่าน ผมใช้วิธีวัดรอยพระบาทจากฉลองพระบาทที่ส่งมาซ่อม ซึ่งคู่แรกที่ถวายไปนั้น ผ่านไป 2-3 เดือน มหาดเล็กนำกลับมาที่ร้าน ผมตกใจมากคิดว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ปรากฏว่าพระองค์ให้นำกลับมาติดกันลื่น ซึ่งก็ทำให้ผมดีใจปลาบปลื้มว่าพระองค์ท่านทรงใช้งานจริง ความตั้งใจผมคือตัดฉลองพระบาทถวาย 19 คู่ ถวายไปแล้ว 15 คู่ เหลือ 4 คู่สุดท้ายที่ไม่ทัน จึงถวายกับพระบรมฉายาลักษณ์ที่บ้านแทน ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้มีโอกาสตรงนี้ เพราะที่ร้านก็ยังมีรอยพระบาทของพระองค์อยู่ ถึงไม่จะไม่เคยได้ใกล้ชิดพระองค์ท่าน แต่ผมก็ได้กราบรอยพระบาทอยู่ทุกวัน คือชีวิตนี้ตายไปก็ไม่เสียแล้ว และพร้อมจะนำคำสอนของพระองค์มาใช้ และเชื่อว่าทุกคนในประเทศก็สามารถนำคำสอนของพระองค์ในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ได้เช่นกัน"

จากนั้นพบกับเรื่องราวของแขกรับเชิญอีกท่านที่มีความประทับใจที่มีต่อพระองค์ท่าน"โต๊ะอิหม่ามทองหล่อ จันทร์อ้น" เพราะพระองค์ท่านได้สละที่ดินส่วนพระองค์และทรงอนุญาตให้เอาโฉนดที่ดินไปจดทะเบียนเป็นมัสยิดนูรุ้ลเอี๊ยะซาน จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นศูนย์รวมใจในการปฏิบัติกิจศาสนา จากนั้นปิดท้ายรายการด้วยสกู๊ปพิเศษของ "นายแพทย์บุญยงค์ วงศ์รักมิตร" อดีตผู้อำอวยการ รพ.น่าน ที่ในหลวง ร.9 เคยพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ให้ไปจัดหาเครื่องมือแพทย์และขยายอาคารรักษาผู้ป่วย ติดตามชมได้ในรายการพิเศษ "กาลครั้งนั้นของฉันกับในหลวงรัชกาล ที่ 9" ในวันจันทร์ ที่ 23 ตุลาคมนี้ เวลา 23.10 น. ทางช่อง 7 HD