นพ.ดนัย กล่าวอีกว่า การว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่เด็กมักรวมกลุ่มกับเพื่อนไปเล่นและทำกิจกรรมยามว่างกัน โดยเฉพาะในช่วงปิดภาคเรียน มีอัตราการตายของเด็กจมน้ำสูงที่สุดเด็กจะอยู่บ้านและรวมกลุ่มกับเพื่อนๆไปเล่นตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งผู้ปกครองต้องคอยสังเกตและดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการลงเล่นน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุทำให้เด็กจมน้ำเสียชีวิตได้ ประกอบกับช่วงนี้ยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลำคลอง สระน้ำ มีปริมาณน้ำมากกว่าปกติ ไหลเชี่ยวแรงและมีระดับความลึกมาก ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการจมน้ำมากขึ้น
เพื่อความปลอดภัยและป้องกันเด็กจากการจมน้ำในช่วงหน้าฝนและช่วงปิดเทอม อันดับแรก ผู้ปกครองควรสอนให้เด็กรู้จักแหล่งน้ำเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนแหล่งน้ำที่เด็กคุ้นเคยอาจมีระดับน้ำที่เปลี่ยนไปจากเดิม ถ้าเป็นไปได้อยากให้ผู้ปกครองหาช่องทางการฝึกว่ายน้ำให้เด็กว่ายน้ำเป็นเพื่อลดการเสียชีวิต ส่วนชุมชนควรสำรวจแหล่งน้ำเสี่ยงและติดป้ายเตือนพร้อมติดตั้งอุปกรณ์การช่วยคนตกน้ำที่หาได้ง่ายในชุมชน ไม่ควรปล่อยให้เด็กไปเล่นน้ำหรือยืนใกล้แหล่งน้ำ ขอบบ่อ พร้อมทั้งต้องสอนให้เด็กมีทักษะการเอาชีวิตรอดและวิธีการช่วยเหลือคนตกน้ำ จมน้ำ ที่ถูกต้อง และในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้ปกครองควรหาพื้นที่เล่นที่ปลอดภัยหรือนำเด็กไว้ในคอกกั้นเด็กขณะทำกิจกรรมเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ
ทั้งนี้ มาตรการสำคัญที่ต้องยึดไว้ใช้ยามฉุกเฉิน คือ "ตะโกน โยน ยื่น" ได้แก่ 1.ตะโกน คือ การเรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วยและโทรแจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ 1669 2.โยนอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวเพื่อช่วยคนตกน้ำเกาะจับพยุงตัว เช่น เชือก ถังแกลลอนพลาสติกเปล่า หรือวัสดุที่ลอยน้ำได้โดยโยนครั้งละหลายๆ ชิ้น 3.ยื่นอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวให้คนตกน้ำจับ เช่น ไม้ เสื้อ ผ้าขาวม้า ให้คนตกน้ำจับและดึงขึ้นมาจากน้ำ หากมีข้อสงสัยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit