ทั้งนี้ ปตท . ได้ประสานความร่วมมือกับ บริษัท ทรานส์ ไทย – มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ทีทีเอ็ม เพื่อจัดสรรปริมาณก๊าซฯ คงเหลือในระบบท่อส่งก๊าซฯ สำหรับจ่ายให้แก่โรงไฟฟ้าจะนะ ระหว่างการซ่อมแซมของผู้ผลิต เพื่อลดผลกระทบจากปริมาณก๊าซฯ ที่หายไปจากระบบประมาณ 440 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แจ้งความก้าวหน้าในการซ่อมแซมและปริมาณก๊าซฯ คงเหลืออย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ในการวางแผนการเดินเครื่อง และการเปลี่ยนเชื้อเพลิงเป็นน้ำมันดีเซลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในเวลา 05.58 น. โรงไฟฟ้าจะนะ ได้เปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันดีเซลเป็นก๊าซธรรมชาติตามปกติแล้ว รวมปริมาณน้ำมันดีเซลที่ใช้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 565,000 ลิตร สำหรับผู้ใช้ก๊าซเอ็นจีวี ปตท. ได้ดำเนินการจัดหาก๊าซฯ สำรอง ซึ่งมีปริมาณเพียงพอต่อการใช้งานตลอดระยะเวลาการซ่อมแซมดังกล่าวเช่นเดียวกัน
"ปตท. ขอขอบคุณความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในเหตุซ่อมฉุกเฉินครั้งนี้ แม้ว่าก๊าซฯ จากแหล่งเจดีเอ เอ-18 จะหายไป 440 ล้านลูกบาศก์ฟุต แต่จากการประสานงานร่วมกับ กฟผ. และเพิ่มการจ่ายก๊าซฯ จากแหล่งอื่นๆ รวมทั้งก๊าซแอลเอ็นจีทดแทน สำหรับระบบฝั่งตะวันออก ทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม แหล่งเจดีเอ เอ-18 ยังมีแผนหยุดซ่อมบำรุงอุปกรณ์จ่ายก๊าซฯ ไปยังโรงไฟฟ้าจะนะ ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน ศกนี้ ซึ่ง ปตท. ได้แจ้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานในพื้นที่ และประสานงานระหว่างกันเพื่อเตรียมพร้อมแผนบริหารจัดการพลังงานเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ผู้ใช้พลังงานได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดย ปตท. จะทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดการซ่อมบำรุง" นายนพดล กล่าวในตอนท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit