แสนแซ่บ ภายใต้การบริหารงานของบริษัท แสนแซ่บ พรีเมี่ยม จำกัด มีทั้งหมด 6 สาขา ซึ่งในปัจจุบัน มีจำนวนร้านอาหารทั่วไปกว่า 200,000 แห่งทั่วประเทศ1 ในจำนวนนี้เป็นร้านอาหารอีสานราว 11,000 ร้าน โดยเป็นประเภทอาหารอีสานระดับพรีเมี่ยมเพียง 5-6 แบรนด์เท่านั้น (ราคาขั้นต่ำ 500 บาท/หัว) ซึ่งแสนแซ่บติดอันดับหนึ่งในสามแบรนด์ชั้นนำ แบ่งเป็น 2 โมเดล ตามโลเคชั่น ได้แก่ กลุ่มห้างสรรพสินค้า และกลุ่มคอมมิวนิตี้ มอลล์ ในสัดส่วน 60:40 โดยภายในสิ้นปีนี้มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มในเครือ CPN โดยเริ่มจากสาขาเซ็นทรัลพระราม 2 ตั้งเป้าขยายสาขาในห้างสรรพสินค้าเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันมีการปรับโฉมภาพลักษณ์ แบรนด์ให้ดูทันสมัย มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นอีสานโมเดิร์นตามความเชี่ยวชาญของแบรนด์
สำหรับปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้ทั้งหมด 98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.17% จากปี 2558 และในครึ่งปีแรกของปี 60 บริษัทฯ มีรายได้เกือบ 50 ล้านบาทแล้ว โดยคาดรายได้รวมทั้งปีจะสามารถทำทะลุ 100 ล้านบาท และตั้งเป้าโต อีก 50% ภายในปี 2561ในส่วนการขยายสาขาไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ มีแผนจะขยายธุรกิจในลักษณะขายแฟรนไชส์ให้กับนักลงทุนต่างชาติในสัดส่วน 1:9 เพราะเล็งเห็นว่าเจ้าของพื้นที่จะมีความเชี่ยวชาญ และเข้าใจพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าในตลาดของตนเองมากกว่า โดยบริษัทฯ จะใช้ความเชี่ยวชาญในเรื่องอาหารที่เป็นจุดแข็ง ร่วมกับพันธมิตรในประเทศนั้นๆ เป็นกลยุทธ์ในการขยายตลาดต่างประเทศ โดยเริ่มจากเวียดนาม จำนวน 3 สาขาภายในปี 2561 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนรุกธุรกิจ Catering แบบครบวงจรมากขึ้น ทั้งงานเลี้ยง งานสัมมนา งานปาร์ตี้ไพรเวท เจาะลูกค้ารายย่อย และลูกค้าองค์กร นางวัชราภรณ์ กล่าว
นายวสันต์ ลิมป์วชิรคม ผู้จัดการทั่วไป เปิดเผยว่า การปรับโฉมใหม่ของแสนแซ่บในครั้งนี้ เพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัย สดใส และยังคงความพรีเมี่ยม แฝงกลิ่นอายความเป็นอีสาน โดยใช้เอกลักษณ์จากลายผ้าขาวม้า สอดแทรกอยู่ในรายละเอียดต่างๆ เพื่อสื่อถึงวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของไทย โทนสีการตกแต่งร้าน เน้นวัสดุธรรมชาติ ปูน ไม้ ในสีเอิร์ธโทน สีขาว และเบจ เพื่อให้สว่าง โล่งโปร่ง สะอาดตา และผ่อนคลาย นอกจากนั้นยังเพิ่ม 'ส้มตำ Live Station' เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วม และมีอรรถรสในการรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้น
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ในโอกาสปรับโฉมใหม่ แสนแซ่บได้เปิดตัวอาหารชุดพิเศษ 5 โตก 5 สไตล์ ชูจุดเด่นที่วัตถุดิบใหม่ คือ 'ปลาร้าจาก 5 ลุ่มน้ำ' ที่ยังไม่เคยมีร้านอาหารใดทำมาก่อน โดยคัดสรรมาเป็นอย่างดีจาก 5 ลุ่มน้ำ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์กูรูในด้านอาหารอีสานอย่างแท้จริง ประกอบด้วย ขันโตกสำรับขุนแผน (ใช้ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำท่าจีน สุพรรณบุรี) , ขันโตกภูไทแสนแซ่บ (ใช้ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำชี กาฬสินธุ์), ขันโตกสะบายดี (ใช้ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำงึม แขวงเวียงจันทร์ ประเทศลาว), ขันโตกสายบัวแซ่บนัว (ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำโขง อุดรธานี) และไฮไลท์! ขันโตกดูเรียนตำพริ้ว (ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำจันทบูร จันทบุรี)
ที่ผ่านมา ประเทศไทย และอาหารไทย ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และได้รับความชื่นชมจากผู้บริโภคต่างชาติ เสมอมา ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งของเมืองจุดหมายปลายทางในเอเชียแฟซิฟิกจากผลสำรวจของมาสเตอร์การ์ด2 ประกอบกับปัจจัยบวกจากการเพิ่มขึ้นของสายการบินต้นทุนต่ำ การเปิดเส้นทางบินใหม่ของสายการบินต้นทุนต่ำ การส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวหลายระดับ และการจัดรายการส่งเสริม โปรโมชั่นต่างๆ ไปยังกลุ่มเป้าหมายของภาคเอกชน ภาครัฐเองก็มีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว อาทิ การยกเว้นค่าวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวไทย และอาหาร และโร้ดโชว์ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาประเทศไทยมากขึ้น นอกจากนี้ จากรายการภาวะเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทยล่าสุดปี 2559 พบว่า กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมทำในช่วงเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอันดับแรก คือ การชิมอาหาร โดยคิดเป็น ร้อยละ 87.6 ในปี 2559 ผลมาจากการที่กรุงเทพมหานครครองอันดับที่ 1 เมืองที่มีร้านอาหารริมทางดีที่สุดในโลก (World's 23 best cities for street food) จาก 23 เมืองทั่วโลก โดยตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว 5 ด้าน3 ภายในปี 2560 หนึ่งในนั้น คือ ท่องเที่ยวเชิงอาหาร (ปี 2558 มีรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงอาหารรวมกว่าสี่แสนล้านบาท) ดังนั้นแผนงานของธุรกิจของแสนแซ่บจึงสอดคล้องเพื่อรับเทรนด์ใหม่ที่กำลังจะมาถึง
อาหารอีสานได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงชาวต่างชาติที่เริ่มรู้จักอาหารอีสาน อย่างไก่ย่าง และส้มตำ โดยเฉพาะร้านอาหารอีสานที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองที่มีกลุ่มลูกค้าต่างชาติมาจับจ่ายซื้อของจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวเอเชียอย่างชาวจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ที่เดินทางมากรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบายช่วงวันหยุด ทำให้ร้านอีสานมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แสนแซ่บจึงต้องมุ่งเน้นหาจุดเด่นให้กับแบรนด์ เพื่อให้มีความแตกต่าง โดดเด่น และเป็นที่จดจำของผู้บริโภคได้มากขึ้น ทั้งเรื่องการตกแต่งร้าน การคิดค้นเมนูใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใคร การคัดสรรวัตถุดิบที่สดใหม่ มีคุณภาพ ไม่ใช่ผงชูรส และมีการเพิ่มเติมเมนูพิเศษตามฤดูกาล เพื่อชูความเป็นอาหารอีสานระดับพรีเมี่ยม แสนแซ่บอยากนำเสนอความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภคไทย และต่างชาติ แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ไทยอีสานผสานทันสมัยเพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน และเพื่อตอกย้ำจุดยืนของแสนแซ่บที่มีความทันสมัยแต่ก็ไม่ลืมเสน่ห์วัฒนธรรมความเป็นไทย นายวสันต์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit