อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งผลักดันให้ทั้ง 3 โครงการสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวนี้เกิดเห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วนเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีความมั่นคงในอาชีพ โดยในปี 2560 โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ มีพื้นที่ดำเนินการใน 54 จังหวัดทั่วประเทศ รวมพื้นที่ 308,103.98 ไร่ เกษตรกร 1,242 กลุ่ม 28,479 ราย โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) มีเกษตรกรเข้าร่วมทั้งสิ้น 55,050 ราย พื้นที่ 750,448 ไร่ รวม 748 แปลง และโครงการเชื่อมโยงการตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร ขณะนี้มีการทำบันทึกความตกลงร่วมกัน (MOU) ระหว่างเกษตรกรในโครงการนาแปลงใหญ่กับโรงสีและวิสาหกิจชุมชน จาก 56 จังหวัด 537 ราย แล้ว โดยมีความต้องการข้าวมากกว่า 8.8 ล้านตัน โดยในส่วนของข้าวมาตรฐาน GAP จากนาแปลงใหญ่ มีการเชื่อมโยงตลาดแล้ว เกษตรกร 30 กลุ่ม พื้นที่ 18,829 ไร่ และข้าวอินทรีย์ เชื่อมโยงตลาดแล้ว 66 กลุ่ม พื้นที่ 7,457 ไร่
สำหรับการดำเนินการในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ จำนวน 13 อำเภอ 37 กลุ่ม 919 ราย พื้นที่ 10,876.86 ไร่ โครงการนาแปลงใหญ่ จำนวน 5,382 ราย พื้นที่ 70,300 ไร่ รวม 22 แปลง และโครงการเชื่อมโยงซึ่งมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ 28 ราย โดยจับคู่กับกลุ่มเกษตรกร 64 กลุ่ม จำนวน 147,656 ไร่ จัดทำ MOU แล้ว มีการประมาณการรับซื้อข้าวอินทรีย์และข้าว GAP จำนวน 8,291 ตัน ซึ่งเป็นข้าวจากนาแปลงใหญ่มาตรฐาน GAP จำนวน 7 กลุ่ม
"ขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าว กำลังเร่งตรวจประเมินแปลงนาที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ในระหว่างวันที่ 25 – 29 สิงหาคม 2560 ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ อ.ห้วยทับทัน โนนคูณ ยางชุมน้อย อุทุมพรพิสัย และ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จำนวน 17 แปลง ซึ่งคณะผู้ตรวจประเมินของกรมการข้าว จะตรวจตามหลักเกณฑ์การตรวจประเมิน 5 ข้อกำหนด ได้แก่ พื้นที่ปลูก แหล่งน้ำ การจัดการดินและปุ๋ย การจัดการคุณภาพในกระบวนการผลิตก่อนการเก็บเกี่ยว การบันทึกและจัดเก็บข้อมูล ส่วนโครงการนาแปลงใหญ่นั้นกรมการข้าวได้ส่งเสริมการลดต้นทุน ด้วยการสนับสนุนให้ใช้เมล็ดพันธุ์ดี และให้ยืมเครื่องหยอดข้าว รวมทั้งร่วมกับหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้การส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีการปรับปรุงบำรุงดิน การจัดการศัตรูพืชด้วยสารชีวภัณฑ์ สนับสนุนการรวมกลุ่ม และตรวจรับรองมาตรฐาน GAP" นางสาวชุติมา กล่าว