นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุ "ทกซูรี" ตั้งแต่วันที่ 15 – 16 กันยายน 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 9 จังหวัด 29 อำเภอ 59 ตำบล 119 หมู่บ้าน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 1 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 8 จังหวัด แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอนามน อำเภอหนองกุงศรี อำเภอสมเด็จ อำเภอนาคู และอำเภอห้วยผึ้ง รวม 8 ตำบล 7 หมู่บ้าน สกลนคร น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอเต่างอย รวม 4 ตำบล ภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองแพร่ อำเภอหนองม่วงไข่ อำเภอเด่นชัย และอำเภอสู่เม่น รวม 16 ตำบล 22 หมู่บ้าน อุตรดิตถ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอน้ำปาด และอำเภอทองแสนขัน รวม 2 ตำบล พิษณุโลก น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพิษณุโลก อำเภอพรหมพิราม อำเภอชาติตระการ อำเภอวังทอง และอำเภอเนินมะปราง รวม 15 ตำบล 53 หมู่บ้าน เพชรบูรณ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ อำเภอหล่มสัก รวม 2 ตำบล ภาคใต้ 2 จังหวัด ได้แก่ สตูล น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสตูล และอำเภอมะนัง รวม 3 ตำบล 7 หมู่บ้าน พังงา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท้ายเหมือง และอำเภอเมืองพังงา รวม 5 ตำบล 14 หมู่บ้าน ซึ่งสถานการณ์ในภาพรวมอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว อีกทั้งได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือผลกระทบจากภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ทราบสภาวะความเสี่ยงภัย โดยแบ่งมอบพื้นที่และภารกิจอย่างชัดเจน เพื่อชี้เป้าการปฏิบัติการให้เข้าถึงและครอบคลุมทุกพื้นที่ประสบภัย ผ่านกลไกในระดับพื้นที่ ทั้งจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงประสานอาสาสมัครเตรียมพร้อมปฏิบัติการ ทั้งมิสเตอร์เตือนภัย อปพร. ทีมกู้ชีพกู้ภัยประจำตำบลชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวังแจ้งเตือนภัย ช่วยเหลือและอพยพประชาชนทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัย ตลอดจนระดมทรัพยากรด้านสาธารณภัยของ ปภ. ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยและพื้นที่ใกล้เคียงสนับสนุนการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป