นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์นี้ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) คาดว่า จะมีการลดขนาดการถือครองพันธบัตรที่ปัจจุบัน 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ ยิ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางของประเทศพัฒนาแล้ว กำลังจะเริ่มเข้มงวดทางการเงิน เช่น ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ทำให้คาดว่า แนวโน้มการถือครองพันธบัตรของโลกจะลดลง ในอีกด้านหนึ่งมาตรการ QE ไม่ได้เข้าไปในภาคเศรษฐกิจจริงทั้งหมด เพราะฉะนั้นจึงต้องติดตามว่าการดึงเม็ดเงินออกมาจากตลาดพันธบัตร จะทำให้สภาพคล่องของโลกหายไปขนาดไหน แต่เราคาดว่า น่าจะไม่มากนัก แล้วธนาคารพาณิชย์ในโลกจะกลับมาปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย เพียงแต่ว่าจะทำให้มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ รอบใหม่ โดยคาดจะถือพันธบัตรลดลง ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนในสหรัฐฯ และทั่วโลกมองข้ามการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ทำให้บรรยากาศการลงทุนเป็นบวก โดยหุ้น Wall Street ทำ New highs แต่ยังต้องติดตามเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ด้านตัวเลขผลประกอบการและเศรษฐกิจในประเทศออกมาดี โดยเฉพาะการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน ใน ไตรมาส 1 และ 2 บวกขึ้นมาในระดับสูงกว่า 3% และคาดว่าในไตรมาส 3 และ 4 ตัวเลขจะอยู่ในระดับ 3% ขึ้นไป ประกอบกับภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้นมาทำให้ยิ่งส่งผลดี ดังนั้น ในเชิงกลยุทธ์นั้น เรายังคงแนะนำหุ้นที่ปรับตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ เช่น ธนาคารพาณิชย์ หุ้นเกี่ยวกับการบริโภค และหุ้นค้าปลีก
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านกลยุทธ์การลงทุน เริ่มเน้นลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และหุ้นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ สำหรับ Trading Idea สัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อ BEM บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้รับประโยชน์ทั้งจากการขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) การท่องเที่ยวเติบโต และภาวะที่ดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ BEM ได้รับปัจจัยบวกหลังจากที่มีการเชื่อมต่อการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเส้นทางปัจจุบัน (หัวลำโพง-เตาปูน) กับสายสีม่วง (เตาปูน-บางใหญ่) 1 สถานีเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น โดยสายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้น 17,000 เที่ยวต่อวัน หรือ 5% จาก 3.39 แสนเที่ยวต่อวันในเดือน ก.ค. 60 เป็น 3.56 แสนเที่ยวต่อวัน ในเดือน ก.ย.
ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีม่วงมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 51% จากเดิม 3.15 หมื่นเที่ยวต่อวัน เป็น 4.76 หมื่นเที่ยวต่อวัน นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเร่งรัดเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงที่ 2 หัวลำโพง-หลักสอง ให้เร็วขึ้น 2 เดือน เป็นเดือน ก.ค. 62
"ปัจจุบัน Cost of Fund ของ BEM อยู่ระดับเฉลี่ยราว 4% และมีแนวโน้มจะลดลงได้อีกหากมีการออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาแทนที่ชุดเดิมที่หมดอายุไปที่อัตราดอกเบี้ยต่ำลง AWS คาดการณ์กำไรสุทธิของ BEM ในปี 2560 เพิ่มขึ้น 49% เป็น 3.8 พันล้านบาท และปี 2561 เพิ่มขึ้น 21% เป็น 4.6 พันล้านบาท เรามอง BEM เป็นหุ้นที่ควรมีไว้เป็น Core holding ในทุก portfolios แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท" นายวรุตม์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit