พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงปีพ.ศ.2559 ถึง 2560 อุตสาหกรรมยางธรรมชาติยังคงได้รับอิทธิพลจากตลาดต่างประเทศและสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อตลาดและราคายางของโลก ทำให้ราคายางยังคงมีความผันผวน ซึ่งที่ผ่านมาปริมาณผลผลิตลดลงจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ประกอบกับเกษตรกรรายย่อยหันไปประกอบอาชีพเกษตรอื่นๆ เป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ ITRCและ IRCo ได้มีความพยายามในการแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยวิธีการสำคัญ จากการร่วมประชุมสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศครั้งนี้ มีข้อสรุปแนวทางการพัฒนายางพาราทั้งระบบ 6 ประการ คือ
· การส่งเสริมด้านอุปสงค์ เพิ่มปริมาณการใช้ยาง ในฐานะประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ของโลก ทั้งสามประเทศมีความพยายามที่จะส่งเสริมใช้ยางในประเทศของตนเองให้เพิ่มมากขึ้นปีละ 10%กับการพัฒนาและดำเนินงานต่างๆ ทั้งการขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ด้านกีฬาสุขภาพ ตลอดจนการแปรรูปเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค โดยทั้งสามประเทศสมาชิก จะให้ความสำคัญในการพัฒนางานวิจัยและส่งเสริมนวัตกรรมทั้งในส่วนภาครัฐและเอกชน และมีข้อตกลงร่วมกันในการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในการใช้ยางธรรมชาติของแต่ละประเทศสำหรับก่อสร้างถนนและการปูผิวถนนใหม่
· การจัดตั้งตลาดยางพาราระดับภูมิภาค (ITRC Regional Rubber Market: RRM) ปัจจุบันอยู่ในลักษณะตลาดรูปแบบ spot trading เป็นตลาดซื้อขายจริงและส่งมอบจริง ซึ่งมีสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง สามารถขายผลผลิต ในรูปแบบต่างๆ ไปยังผู้ใช้ยางได้โดยตรง และในอนาคตทั้งสามประเทศมีความเห็นร่วมกันว่าจะหาแนวทางในการพัฒนาตลาดยางพาราระดับภูมิภาคเป็นลักษณะการซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนและผู้สนใจได้เข้ามาซื้อขายผลผลิตจากสถาบันเกษตรกรโดยตรงมากยิ่งขึ้น
· การบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบผ่านโครงการการจัดการอุปทาน (Supply Management Scheme: SMS) เป็นการลดปริมาณผลผลิตและพื้นที่ปลูก จะเป็นมาตรการระยะยาวในช่วงปี พ.ศ. 2560-2568 เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างความต้องการใช้และปริมาณผลผลิต เป็นมาตรการเข้มข้นที่ประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติจะต้องร่วมมือกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคายางพาราในระยะจะทำให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้นอย่างยั่งยืน และจะสร้างความมั่นใจในการจัดหายางธรรมชาติให้กับผู้บริโภคอย่างยั่งยืนเช่นกัน
· มาตรการจำกัดปริมาณการส่งออกยาง (Agreed Export Tonnage Scheme :AETS) ขณะนี้ ทั้งสามประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ของโลก มีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ราคายางอย่างใกล้ชิด หากราคายางปรับตัวลดลงจนน่าเป็นห่วง อาจจำเป็นจะต้องนำมาตรการนี้มาใช้ เพื่อช่วยกระตุ้นราคายางให้ปรับตัวสูงขึ้น
· การต้อนรับเวียดนามเข้าสู่สมาชิกสมทบ ITRC ทั้งสามประเทศต่างมีความเห็นร่วมกันในการรับประเทศเวียดนามเป็นสมาชิกสมทบภายใต้กรอบการทำงานของ ITRC โดยประเทศเวียดนาม ถือว่าเป็นประเทศผู้ผลิตยางรายใหม่ของโลกที่มีผลผลิตค่อนข้างสูง ฉะนั้น การมีส่วนร่วมของเวียดนามจะช่วยเพิ่มบทบาทของ ITRC ในการสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยาง
· การหาแนวทางใหม่เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง ทั้งสามประเทศต่างมองร่วมกันว่า ในอนาคตจะปรับกลยุทธ์ในการหารือกับภาคอุตสาหกรรม เพื่อหาแนวทางสร้างรายได้อย่างยั่งยืน และเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากการประชุมสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ ในครั้งนี้ ต่างฝ่ายต่างผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพราคายางและพัฒนาอุตสาหกรรมยางได้อย่างยั่งยืนและมั่นคงต่อไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit