นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ หย่อมความกดอากาศต่ำ พายุโซนร้อนตาลัสและพายุโซนร้อนเซินกา ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 44 จังหวัด 302 อำเภอ 1,724 ตำบล 14,105 หมู่บ้าน 43 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 609,425 ครัวเรือน 1,898,322 คน ผู้เสียชีวิต 44 ราย ดำเนินการช่วยเหลือแล้ว 40 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ 4 ราย บ้านเรือนเสียหาย 4,649 หลัง แยกเป็น เสียหายบางส่วน 4,634 หลัง เสียหายทั้งหลัง 15 หลัง ดำเนินการช่วยเหลือแล้ว 2,106 หลัง อยู่ระหว่างดำเนินการ 2,543 หลัง ถนน 2,401 สาย คอสะพาน 111 แห่ง สะพาน 207 แห่ง ฝายและทำนบ 8,753 แห่ง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 2,750,000 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 2,540,000 ไร่ พืชไร่ 200,000 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 8,000 ไร่ บ่อปลา 14,822 ไร่ ปศุสัตว์ 43,317 ตัว ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 39 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 5 จังหวัด แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี และภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา รวม 20 อำเภอ 110 ตำบล 517 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 761 ครัวเรือน 2,910 คน จุดอพยพ 8 จุด 866 ครัวเรือน 3,118 คน ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ พร้อมกำชับจังหวัด ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วให้เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ส่วนจังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัยให้ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัย ควบคู่กับการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยเชื่อมโยงการระบายน้ำในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดอย่างใกล้ชิด เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ร่องมรสุมกำลังอ่อนได้เลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องและฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ดังกล่าวให้เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักและฝนตกสะสม โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดชุดเคลื่อนที่เร็วและจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยง ขอให้ติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป