นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาจนถึงปี 2560 นี้ บลจ.กสิกรไทยยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการด้านการลงทุนในธุรกิจกองทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้บริการบนดิจิตอลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) เพื่อยกระดับความเป็นผู้นำในฐานะการเป็น ดิจิตอลแอดไวเซอร์ (Digital Advisor) ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าหมายไปสู่การเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน มุ่งทำการลงทุนให้เป็นเรื่องง่าย สามารถเข้าถึงได้กับผู้ลงทุนทุกระดับ ตลอดจนการแนะนำพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับผู้ลงทุนเป็นรายบุคคล โดยล่าสุด บลจ.กสิกรไทยได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ K-My Funds ซึ่งไม่ใช่แค่แอพพลิเคชั่นที่สร้างมาเพื่อตอบโจทย์เฉพาะการอำนวยความสะดวกในเรื่องการซื้อ-ขายหรือทำธุรกรรมการลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นแอพฯที่ออกแบบมาให้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวเรื่องกองทุนรวม พร้อมช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุนได้สามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเอง
ความพิเศษของ K-My Funds ที่แตกต่างจากแอพพลิเคชั่นการซื้อขายกองทุนรวมทั่วไป คือ การเชื่อมโยงผู้ลงทุนให้สามารถเข้าถึงคำแนะนำด้านการลงทุนจากผู้เชี่ยญชาญโดยเฉพาะ ซึ่งโปรแกรมจะมีการแนะนำพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม โดยเปรียบเทียบกับพอร์ตการลงทุนในปัจจุบันของผู้ลงทุน และแสดงผลการวิเคราะห์ออกมาในรูปแบบของกราฟและเส้น FIT Line ซึ่งจะเป็นเส้นชี้วัดถึงผลตอบแทนของพอร์ตลงทุนที่แนะนำ โดยผ่านกระบวนการวิเคราะห์มาแล้วว่าพอดีและเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของผู้ลงทุน แอพพลิเคชั่น K-My Funds จึงเปรียบเสมือนโค้ชที่คอยสร้างแนวทางการลงทุน ให้ผู้ลงทุนสามารถติดตามและปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง
นายวศินกล่าวว่า "การจะบรรลุเป้าหมายการลงทุน มีปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จอยู่ 3 อย่าง คือการตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม ระยะเวลาการลงทุน และการกระจายการลงทุนที่เหมาะสมประกอบกัน แต่จากการเก็บรวบรวมข้อมูลของบลจ.กสิกรไทยพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ยังมีการกระจายลงทุนที่ไม่เหมาะสม โดยมีถึงประมาณ 2 ใน 3 ของลูกค้าทั้งหมด ที่ลงทุนในกองทุนเพียงประเภทเดียว โดย 1 ใน 3 ของลูกค้ากลุ่มนี้ลงทุนในกองทุนที่ต่ำกว่าระดับความเสี่ยงที่เหมาะกับตนเอง ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมกลุ่มลูกค้าที่ลงทุนเกินกว่าระดับความเสี่ยงที่รับได้ ดังนั้นบลจ.กสิกรไทยจึงพัฒนาเครื่องมือต่างๆ อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ลูกค้าเกิดการลงทุนที่เหมาะสม รวมทั้งการออกแบบ FIT Line ในแอพฯ ให้เข้ามาช่วยกำหนดทิศทางการลงทุนที่พอดีทั้งในแง่ของการกระจายการลงทุนและกำหนดความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจมากขึ้น และสามารถไปถึงเป้าหมายการลงทุนที่ต้องการ"
สำหรับเส้น FIT Line จะแบ่งตามความเสี่ยงเป็น 4 ระดับ ได้แก่ FIT Line S ซึ่งเหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงในระดับ 1-2 FIT Line M เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงระดับ 3-4 FIT Line L เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงระดับ 5-6 และ FIT Line XL เหมาะกับผู้ที่รับ
ความเสี่ยงในระดับ 7-8 โดยเส้น FIT Line ทั้ง 4 แบบ เกิดขึ้นจากการคำนวณผลตอบแทนของพอร์ตลงทุนแนะนำซึ่งมีการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังในอดีต 10 ปี พร้อมคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจ ตลาดเงินตลาดทุน ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อคำนวณหาพอร์ตการลงทุนและกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดภายใต้ความผันผวนที่ต่ำที่สุด ดังนั้นเมื่อผู้ลงทุนมีการปรับพอร์ตตามที่แนะนำภายใต้ระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม ผู้ลงทุนจึงมั่นใจได้ว่าเส้น FIT Line จะสามารถใช้วัดผลการดำเนินงานของพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
"อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการที่ผู้ลงทุนสามารถเลือกปรับพอร์ตโดยเลือกลงทุนในกองทุนตามสัดส่วนที่แนะนำแล้ว บลจ. กสิกรไทยยังได้นำเสนอทางเลือกที่ง่ายยิ่งขึ้น โดยการออกแบบกองทุนใหม่ในกลุ่ม K-FIT ถึง 4 กองทุน มาให้เลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ต้องการ ได้แก่ กองทุน K-FITS กองทุน K-FITM กองทุน K-FITL และ กองทุน K-FITXL เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากลงทุนเป็นพอร์ต แต่ไม่ต้องการซื้อหลายกองทุนให้ยุ่งยาก เพราะ K-FIT จะไปลงทุนในกองทุนต่างๆ ของบลจ.กสิกรไทย ที่กระจายลงทุนไปในหลากหลายสินทรัพย์ ตามสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำและเลือกมาให้แล้วว่าพอดีกับความต้องการของผู้ลงทุน ให้สามารถลงทุนง่ายๆ เบ็ดเสร็จใน 1 กองทุน พร้อมลงทุนได้ทันทีผ่านแอพฯ K-My Funds โดยกองทุน K-FIT ทั้ง 4 กอง จะเปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. – 2 ต.ค. 60" นายวศินกล่าว
นอกจากนี้ K-My Funds ยังรวบรวมบริการและเครื่องมือการลงทุนต่างๆ ของบลจ.กสิกรไทยมาไว้บนแอพพลิชั่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลการลงทุนได้สะดวกและง่ายขึ้น ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งบริการด้านธุรกรรมต่างๆ อาทิ การซื้อ-ขาย-สับเปลี่ยน การตรวจสอบรายการเคลื่อนไหวต่างๆ บริการค้นหาข้อมูลกองทุน รวมถึงการเช็คพอร์ตการลงทุนในปัจจุบันและข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลังของผู้ลงทุนด้วย
นายวศินกล่าวเพิ่มเติมว่า "ปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทยมีลูกค้ากองทุนรวมอยู่ทั้งหมดประมาณ 420,000 ราย จากจำนวนลูกค้าทั้งหมดในอุตสาหกรรมประมาณ 2 ล้านกว่าราย และมียอดลูกค้าที่ใช้บริการผ่านทางช่องทางดิจิตอลอื่นๆ อาทิ K-Cyber Invest และ K-PLUS อยู่ประมาณ 100,000 ราย เทียบกับทั้งอุตสาหกรรมที่คาดว่าน่าจะมีลูกค้ากองทุนรวมที่ใช้บริการผ่านช่องทางดิจิตอล ทั้งหมดอยู่ราวๆ 300,000- 400,000 ราย ทั้งนี้ หลังจากการเปิดให้บริการ K-My Funds บริษัทตั้งเป้าหมายจำนวนลูกค้าที่จะเข้ามาสมัครใช้งานแอพฯ ในปีนี้อยู่ที่ 100,000 ราย โดยเป้าหมายสิ้นปี 2560 นี้จะมาจากกลุ่มลูกค้าที่ใช้ผ่านช่องทางดิจิตอล (Digital-based AUM) ประมาณ 20% ของ AUM รวม ส่วนในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าหมายจำนวนลูกค้าที่จะใช้บริการแอพฯ นี้ เพิ่มขึ้นอีก 30% และตั้งเป้าหมาย Digital-based AUM เพิ่มขึ้นเป็น 30% ของ AUM รวม"
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น K-My Funds ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ผ่าน App Store ในระบบ iOS และ Play Store ในระบบ Android โดยไม่เสียค่าบริการใดๆ และบลจ.กสิกรไทยยังได้จัดโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่ดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. – 31 ต.ค. 60 จะได้สิทธิ์รับโชค 2 ต่อ โดยต่อแรกรับฟรีทันทีเป็นบัตรชมภาพยนตร์ในเครือ SF Cinema จำนวน 1 ใบต่อ 1 ท่าน และต่อที่ 2 ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับ iPhone X (จำนวน 10 รางวัล) โดยจะประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลผ่านทางเว็บไซต์บลจ.กสิกรไทย www.kasikornasset.com ในวันที่ 15 พ.ย. 60 ทั้งนี้เงื่อนไขเพิ่มเติมเป็นไปตามที่บลจ.กสิกรไทยกำหนด หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กสิกรไทย โทร. 02-673-3888
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit