เฮงเค็ลแถลงยอดขายและกำไรประจำปี เติบโตสูงถึงร้อยละ 3.5 คิดเป็นมูลค่ากว่า 18.7 พันล้านยูโร อีริค อีเดลแมน, ประธาน บริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด

13 Mar 2017
เฮงเค็ล ผู้นำระดับโลกในธุรกิจเทคโนโลยีกาว (Adhesive Technologies) ผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์(Beauty Care) และ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน (Laundry & Home Care businesses) เผยถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปี 2559 คิดเป็นมูลค่า 18.7 พันล้านยุโร นับเป็นสติถิใหม่ด้านยอดขายและกำไร โดยมีอัตราเติบโตที่ร้อยละ 3.5 ในขณะที่ ยอดขายก่อนหักผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ และการเข้าซื้อกิจการมีอัตราเติบโตที่เพิ่มขึ้นที่ ร้อยละ 3.1 นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่กำไรจากการดำเนินงาน มีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านยูโร
เฮงเค็ลแถลงยอดขายและกำไรประจำปี เติบโตสูงถึงร้อยละ 3.5 คิดเป็นมูลค่ากว่า 18.7 พันล้านยูโร อีริค อีเดลแมน, ประธาน บริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด

ทุกหน่วยธุรกิจมียอดขายภายในเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ธุรกิจเทคโนโลยีกาว มียอดขายภายในเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 ยอดขายกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์เติบโต ร้อยละ2.1 และธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้าง และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เติบโตถึงร้อยละ 4.7

ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เฮงเค็ลได้เข้าซื้อกิจการ บริษัท เดอะ ซัน โปรดักส์ ซึ่งเป็นการซื้อกิจการที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกิจกรรมการซื้อขายที่บริษัทเคยทำมา ส่งผลให้เฮงเค็ลเป็นผู้นำอันดับ 2 ในสหรัฐอเมริกา ผู้นำตลาดในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนระดับโลก และในแคนาดา

ยอดขายภายในที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งคิดเป็น ร้อยละ 6.8 โดยการเติบโตในภาพรวมนั้นได้แรงส่งหลักมาจากกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ยอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่า 7,814 ล้านยูโร เช่นเดียวกับสัดส่วนยอดขายในตลาดอิ่มตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เติบโตร้อยละ 3.2 ส่วนยอดขายที่คำนวณโดยไม่พิจารณาผลกระทบอื่นๆ (nominal sales) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 คิดเป็นมูลค่า 3,246 ล้านยูโร ขณะที่กำไรสุทธิต่อหุ้นบุริมสิทธิ์ หลังการปรับปรุง เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 จาก 4.88 ยูโร เป็น 5.36 ยูโร นับเป็นสติถิใหม่ ส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้นบุริมสิทธิ์ที่ไม่ได้ปรับปรุง เพิ่มขึ้นจาก 4.44 ยูโร เป็น 4.74 ยูโร

คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการกำกับดูแล และผู้ถือหุ้น มีกำหนดประชุมประจำปีในวันที่ 6 เมษายน 2560 เพื่อเสนออัตราเงินปันผลต่อหุ้นบุริมสิทธิ์เพิ่มขึ้น จากร้อยละ 10.2 เป็น 1.62 ยูโร เมื่อเทียบกับ 1.47 ยูโร ในปีที่ก่อนหน้า และเพิ่มอัตราเงินปันผลต่อหุ้นสามัญ จากร้อยละ 10.3 เป็น 1.60 ยูโร เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ 1.45 ยูโร จัดเป็นอัตราเงินปันผลที่สูงที่สุดในประวัติกาล เท่ากับร้อยละ 30.3

นายฮานส์ แวน ไบเล่น, ประธานกรรมการบริหารของเฮงเค็ลกล่าวว่า "ด้วยแนวทางกลยุทธที่ชัดเจน ทีมงานระดับโลกที่แข็งแกร่ง และความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีในตลาด บริษัทสามารถเติบโตได้อีกไกล"

อีริค อีเดลแมน, ประธาน บริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ในปี 2559 เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อกำหนดทิศทางด้านนวัตกรรม และความยั่งยืนในธุรกิจกาวและบิวตี้แคร์ เราจะก้าวไปข้างหน้าตามยุทธศาสตร์ 2020 ที่บริษัทได้วางไว้ โดยประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและเทคโนโลยีประจำภูมิภาค เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย,นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น เรามุ่งสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการใช้กลยุทธทางดิจิตัลในทุกหน่วยธุรกิจ ความว่องไวภายในองค์กร และการลงทุนในความริเริ่มใหม่ๆ"

เฮงเค็ลตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายภายในจากร้อยละ 2 เป็น ร้อยละ 4 ในปีงบประมาณ 2560 โดยทุกกลุ่มธุรกิจจะเติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกัน กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) คาดว่าจะปรับตัวขึ้นมากกว่าร้อยละ 17 ส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้นบุริมสิทธิ์หลังการปรับตัวขึ้นระหว่างร้อยละ 7 และ 9