นายสุชาติ ระมาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท.. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "หลังจากเหตุอุทกภัยรุนแรงที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดทางภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวยังต้องการการฟื้นฟูเยียวยาในด้านต่างๆ กลุ่ม ปตท. ได้วางแผนดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้อย่างเต็มที่ และดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งในช่วงเกิดสถานการณ์น้ำท่วม และช่วงหลังน้ำลด เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประสบภัย และเพื่อฟื้นฟูเยียวยาอย่างรอบด้าน ซึ่งในวันนี้ (10 มีนาคม 2560) พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายด้านพลังงาน และให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยตรวจสอบคุณภาพน้ำมันหลังน้ำท่วม ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ศิรินคร ถนนพัฒนาการคูขวาง (ประตูลอด) พร้อมตรวจเช็คสภาพถัง ก๊าซหุงต้ม และตรวจเยี่ยมหน่วยฟื้นฟูน้ำท่วมของกลุ่ม ปตท. อันประกอบด้วย หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อบริการตรวจรักษาประชาชน รวมทั้งหน่วยซ่อมแซมรถจักรยานยนต์ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น โดยร่วมมือจากโรงพยาบาลและสถาบันอาชีวะในพื้นที่เพื่อจัดให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนใน 6 พื้นที่ พื้นที่ละ 3 วัน โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่10 กุมภาพันธ์ 2560 จนถึงปัจจุบันมีผู้ประสบภัยมาใช้บริการกว่า 3,000 ราย นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. ได้ร่วมกับวิทยาลัยอาชีวศึกษาสำรวจพื้นที่โรงเรียน วัด มัสยิด และพื้นที่สาธารณะโดยรอบที่ได้รับความเสียหาย เพื่อดำเนินงานสร้าง-ซ่อมแซมให้กลับมามีสภาพที่เหมาะสมต่อไป"
ที่ผ่านมาในช่วงที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยดังกล่าว กลุ่ม ปตท. ได้ดำเนินการสนับสนุนความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยมอบถุงยังชีพจำนวน 16,530 ชุด สนับสนุนน้ำดื่ม กระจายในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคใต้ที่ได้รับความเดือดร้อนผ่านหน่วยงานในพื้นที่ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. และเครือข่ายจากหลายภาคส่วน นอกจากนี้ได้บริจาคเงินจำนวน 20 ล้านบาท แก่รัฐบาลภายใต้โครงการ "ประชารัฐร่วมใจ ช่วยอุทกภัยภาคใต้" เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐในการช่วยเหลือและฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้น และได้เปิดสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ในพื้นที่ที่มีความพร้อมเป็นศูนย์ส่งมอบความช่วยเหลืออีกช่องทางหนึ่ง รวมทั้งดูแลจัดส่งน้ำมันและก๊าซแอลพีจีให้กับภาคใต้อย่างต่อเนื่องเป็นปกติ ไม่ให้ขาดแคลน พร้อมรักษาความมั่นคงทางพลังงาน และเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป