"ชุมชนบ้านบางพลับ" เป็นหนึ่งในจำนวน 8 หมู่บ้านของตำบลบางพรม ซึ่งคำว่าบางพรมหมายถึง "พื้นที่ที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์" เหมาะสำหรับการทำเกษตรกรรม ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงนิยมทำเกษตรเชิงอนุรักษ์ด้วยการใช้ปุ๋ยจากธรรมชาติ ให้ความสำคัญกับคุณประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ ทำให้ผลผลิตจากชุมชนนี้ได้รับการยอมรับทั้งเรื่องคุณภาพและความอร่อย
ความเข้มแข็งของชุมชนบ้านบางพลับ มีจุดเริ่มต้นมาจาก "ครูสมทรง แสงตะวัน" อดีตครูผู้ผันตัวมาเป็นปราชญ์ชาวบ้าน เชื้อเชิญเกษตรกรและปราชญ์ในพื้นที่มาร่วมแบ่งปันความชำนาญเฉพาะทาง เช่น การใช้ขี้แดดนาเกลือเป็นปุ๋ยบำรุงส้มโอ การใช้แมงมุมในการกำจัดศัตรูพืช และการแปรรูปผลไม้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เป็นต้น หนึ่งในหลักการที่ถูกนำมาใช้เพื่อการก้าวย่างอย่างมั่นคงของคนในชุมชน คือ "หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่าด้วยการยึดหลักความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันที่ดี ควบคู่ไปกับเงื่อนไขการมีความรู้และคุณธรรม ทำให้พวกเขาไม่เคยหยุดหาความรู้และพัฒนาตนเอง ค่อย ๆ สร้างรายได้แบบพอประมาณ ไม่เร่งรัดด้วยการใช้สารเคมี แต่ใช้ความรู้ที่มีในการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ นอกจากนั้นยังมีการเกื้อหนุนกันและกันทำให้ผลิตผลที่เกิดขึ้นในชุมชนถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างครบส่วน จนทำให้ชุมชนแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ให้กับทั้งคนไทยและต่างชาติ ได้รับการยกย่องให้เป็นชุมชนสีเขียว และได้รับนานารางวัลรับรองคุณภาพจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ด้วยมนต์เสน่ห์วิถีชีวิตและองค์ความรู้ของชุมชนแห่งนี้เอง ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนันสนุนการสร้างสุขภาพ (สสส.) จึงขอแนะนำเส้นทางการท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ 1 วันแบบ "SOOK Travel" ที่เน้นให้ทุกคนมีความสุข สนุก และได้ความรู้แบบเต็มเหนี่ยว กับกิจกรรม"สองล้อตะลุยสวนบ้านบางพลับ" ปั่นจักรยานในสวนสูดอากาศบริสุทธิ์ ในชุมชนเกษตรวิถีพอเพียงแห่งนี้
เริ่มต้นด้วยการปั่นจักรยานฟิตร่างกายสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าท่ามกลางสายลมเย็นไปยัง "บ้านพญาซอ" บ้านของ "อาจารย์สมพร เกตุแก้ว" ช่างทำซออู้ผู้มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี ซึ่งการได้รับฟังการบรรเลงเพลงจากซออู้ที่มีลวดลายวิจิตรที่อาจารย์ได้สร้างสรรค์ขึ้นจากกะลาซอเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรพลาด
จากนั้นแวะมาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวสวนมะพร้าวกันที่ "สวนมะพร้าวน้ำหวานพันธุ์หงส์ทอง" เรียนรู้วิธีชีวิตชาวสวน การใช้ความชำนาญปีนต้นมะพร้าวเพื่อเฉือนจั่นกรีดเอาน้ำตาลสดลงมาทุกวัน เพื่อนำมาให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดลองเคี่ยวและหยอดลงถ้วยตะไล ได้เป็นน้ำตาลมะพร้าวซึ่งมีรสชาติและกลิ่นที่หอมหวานเข้มข้น นิยมนำมาใช้ทำขนมหวานไทยเช่น ข้าวเหนียวแดง และขนมนางเล็ด ฯลฯ
แล้วลองมาชิม "แกงกุ้งกระดองกรุบ" อาหารพื้นบ้านสุดอร่อยที่มีวัตถุดิบสำคัญคือผลอ่อนกะลามะพร้าวรสชาติกรอบมัน ตัดกับรสของน้ำแกงที่เผ็ดจัดจ้านหอมด้วยเครื่องพริกแกง แนมด้วยผักสดหวานกรอบชื่นใจ
หลังจากเติมพลังกันแล้ว จึงไปปั่นจักรยานท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ภายในชุมชนกันต่ออีก 3 จุด ฐานกิจกรรมแรกคือ "สวนส้มโอพันธุ์ขาวนวล" ของครูสมทรง แสงตะวัน ซึ่งมีจุดเด่นคือการปลูกส้มโอไร้เมล็ดปลอดสารพิษ โดยใช้ขี้แดดนาเกลือช่วยบำรุงให้ส้มโอมีเปลือกบาง เนื้อมีสีเหลืองน้ำผึ้ง และรสชาติหวานหอม ฐานที่สอง คือ "ฅนเอาถ่าน" บ้านเผาถ่านของ "คุณสถาพร ตะวันขึ้น" ซึ่งมีการนำเอาผลไม้ชนิด ต่าง ๆ ที่ผลิตได้มากเกินความต้องการมาแปรรูปเป็นถ่านผลไม้สำหรับดับกลิ่น ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน และฐานสุดท้าย "ผลไม้กลับชาติ" การนำผลไม้และสมุนไพรที่มีรสชาติรับประทานยาก เช่น ฝาด เปรี้ยว และขม อย่างบอระเพ็ด มะระขี้นก มะนาว และกระชาย ฯลฯ มาแช่อิ่มเพื่อให้มีรสชาติหวานอร่อยโดยไม่เสียสรรพคุณทางยา
หากยังมีพลังเหลือแนะนำให้ปิดท้ายด้วยการ "ทำว่าวปักเป้า" กับ "คุณอุดม มีคง" คุณลุงใจดีผู้เชี่ยวชาญเรื่องว่าวไทย ที่จะสอนวิธีการทำว่าวและเทคนิคการออกแบบว่าวให้สามารถขึ้นไปล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างสง่างาม
หากคุณยังไม่เคยท่องเที่ยววีถีชุมชน ขอแนะนำให้ลองใช้เวลาว่างในวันหยุด เลือกเดินทางไปยังแหล่งเรียนรู้ใกล้บ้าน เปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ที่ไม่เพียงได้รับความผ่อนคลาย สนุกสนาน แต่ยังสามารถจุดประกายการมีสุขภาวะที่ดีทั้งทางด้านกาย จิต ปัญญา และสังคม เหมือนอย่างที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม "SOOK Travel : สองล้อตะลุยสวนบ้านบางพลับ" กล่าวว่า "ความสุขจากการใช้ชีวิตแบบพอเพียง เป็นความสุขที่ไม่สามารถวัดได้ด้วยมูลค่าทางการเงิน แต่สามารถวัดได้ด้วยใจ และสามารถมีร่วมกันได้ทุกคนจริง ๆ"
ติดตามกิจกรรมของ SOOK Travel ได้ทาง www.facebook.com/sookcenter และหากสนใจท่องเที่ยวชุมชนบ้านบางพลับติดต่อได้ที่ คุณทรงยศ แสงตะวัน โทร: 081-274-4433
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit