กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านไอโอทีดังกล่าว มีชื่อว่า SAP® Leonardo ซึ่งเป็นการนำชื่อมาจากบุคคลสำคัญท่านหนึ่ง ผู้ซึ่งเคยนำโลกของเราเข้าสู่ยุคบุกเบิกด้านวิทยาศาสตร์และการค้นพบใหม่ๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SAP Leonardo สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ดร. ทานย่า รูเคิร์ท รองกรรมการผู้จัดการด้าน Digital Assets และ IoT จากเอสเอพี กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงสิ่งของธรรมดาสู่ผลลัพธ์ใหม่ๆนั้นเป็นเรื่องของกระบวนการทางธุรกิจแบบใหม่ ยกตัวอย่างเช่น Industry 4.0 โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ และวิธีการใหม่ๆสำหรับประชาชนในการใช้ชีวิตและทำงาน ด้วย SAP Leonardo เราสามารถเชื่อมต่อ 'สิ่งของ' ต่างๆเข้าด้วยกันผ่านกระบวนการทางธุรกิจต่างๆซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีและเป็นไปในแบบเชิงรุก ทั้งยังรวมถึงประชาชนทั่วไปที่สามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยี augmented intelligence (AR) และระบบอัตโนมัติต่างๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านไอโอทีจาก SAP Leonardo ทำหน้าที่ส่งมอบพันธกิจและความมุ่งมั่นของเอสเอพี ในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจที่เหนือชั้นผ่านนวัตกรรมไอโอทีเพื่อธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของเรา"
ปรับใช้ไอโอทีได้ง่ายขึ้น: โปรแกรมนำร่อง Jump-Start ในราคาแนะนำ
เอสเอพีเปิดตัวโปรแกรม jump-start ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย SAP Leonardo Labs global enablement network เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆสามารถระบุและตรวจสอบโครงการนำร่องด้านไอโอที และเคสตัวอย่างการใช้งานต่างๆได้ ด้วยการให้บริการด้านคำปรึกษาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญในสายธุรกิจและอุตสาหกรรมแขนงต่างๆจากเอสเอพี บวกกับโปรแกรม jump-start ซึ่งถูกออกแบบมาในลักษณะ multiphase engagement เพื่อให้สามารถเข้ากับนวัตกรรมไอโอทีใหม่ๆ ผ่านกลยุทธ์ด้านลูกค้าและเป้าหมายในการวางเส้นทางนำร่องที่ชัดเจนสู่มูลค่าทางธุรกิจที่มากขึ้น ตัวโปรแกรม jump-start ปัจจุบันมีวางจำหน่ายทั่วโลก มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งานตั้งแต่ก้าวแรกของการเดินทางสู่ไอโอที พร้อมทั้งช่วยวางเส้นทางนำร่องซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถระบุเคสธุรกิจตัวอย่างต่างๆที่เหมาะสมต่อการวางระบบกลยุทธ์ด้านไอโอทีอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการวางระบบเพิ่มเติมในอนาคต
นอกจากนี้ เอสเอพียังเผยราคาโปรโมชั่นสำหรับโปรแกรม IoT jump-start รวมถึงราคาของซอฟต์แวร์และการให้บริการต่างๆซึ่งจำเป็นในการนำร่องและการใช้งานโซลูชั่นไอโอทีต่างๆของ SAP Leonardo ใน 1 ปีแรก ได้แก่ SAP Connected Goods, SAP Vehicle Insights, SAP Predictive Maintenance and Service และ SAP Asset Intelligence Network ด้วยการตั้งราคาสำหรับการให้บริการ และโซลูชั่นหลักๆที่จำเป็นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอโอทีของ SAP Leonardo ส่งผลให้การเริ่มต้นนำร่องเป็นไปได้อย่างโปร่งใส และสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ ทั้งยังช่วยให้ลูกค้าสามารถวางเส้นทางนำร่องได้อย่างชัดเจน ทั้งในด้านขอบเขต ระยะเวลา และราคาที่ต้องจ่าย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม jump-start และราคา สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ความสามารถเฉพาะตัวในการเชื่อมต่อผู้คน สิ่งของ และธุรกิจต่างๆเข้าด้วยกัน
SAP Leonardo เป็นเครื่องยืนยันด้านมูลค่าของนวัตกรรมที่เกิดใหม่ มันคือส่วนขยายจากแก่นหลักธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของเอสเอพี สู่การทำงานแบบอัตโนมัติและฉลาดขึ้นในจุดซึ่งดาต้าด้านไอโอทีได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้น ด้วยการมี SAP HANA® เป็นแพลตฟอร์ม SAP Leonardo จะทำหน้าที่นำเสนอแอพพลิเคชั่นไอโอทีที่ชาญฉลาด รวมถึงการให้บริการด้านธุรกิจต่างๆเพื่อการพัฒนา การให้บริการด้านเทคนิคเพื่อการประมวลผลดาต้าประเภท high-velocity และความชาญฉลาดในการประมวลผลข้อมูลในระดับดีไวซ์ SAP Leonardo รวบรวมจุดแข็งอันมีเอกลักษณ์มากมายของเอสเอพี รวมถึงประสบการณ์ 45 ปีในฐานะธุรกิจที่มอบความรู้ให้กับองค์กรต่างๆ ครอบคลุม 25 สายอุตสาหกรรมและผู้นำในด้านการบริหารจัดการบิ๊ก ดาต้า และมอบผลิตภัณฑ์แบบต้นจนจบกระบวนการ ซึ่งครอบคลุมหัวข้อต่างๆ ดังนี้
• ผลิตภัณฑ์เชื่อมต่อถึงกัน เพื่อข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆในการบริหารจัดการวงจรชีวิตของสินค้า การจัดจ้าง การตอบสนองและการจัดหา รวมถึงเครือข่ายการจัดหาด้วยระบบดิจิตอล การออกแบบ อุตสาหกรรมการผลิต และการส่งมอบสินค้าแบบชาญฉลาด และเชื่อมต่อกันในอุตสาหกรรมทุกรูปแบบ
• สินทรัพย์ต่างๆเชื่อมต่อถึงกัน เพื่อติดตาม มอนิเตอร์ และวิเคราะห์สินทรัพย์ถาวร รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิต และการบำรุงรักษาขั้นตอนการทำธุรกิจ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มระยะเวลาการใช้งานของเครื่องมือ
• ยานพาหนะเชื่อมต่อถึงกัน เพื่อช่วยให้ธุรกิจและองค์กรสาธารณะสามารถเป็นเจ้าของยานพาหนะของตนเองได้ (เช่น ยานยนต์ หุ่นยนต์ รถยนต์ และยานพาหนะระบบออโต้ต่างๆ) เพื่อปรับปรุงด้านการให้บริการและความปลอดภัย รวมถึงเพิ่มการมองเห็นด้านโลจิสติกส์และคุณภาพในการให้บริการที่กว้างขึ้น
• โครงสร้างเชื่อมต่อถึงกัน เพื่อการปฏิบัติงานอย่างชาญฉลาดด้วยระบบดิจิตอล ตั้งแต่ระบบ physical-infrastructure การก่อสร้าง และโครงข่ายพลังงานซึ่งช่วยให้เกิดการพัฒนาในด้านการให้บริการ การปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ เกิดการปฏิบัติตามมากขึ้น และลดผลกระทบด้านความเสี่ยงให้น้อยลง
• ตลาดเชื่อมต่อถึงกัน เพื่อช่วยให้เกิดการผลิตใหม่ๆ และโมเดลทางธุรกิจที่มีความสอดคล้องกับลักษณะของแต่ละท้องถิ่น รวมถึงการวางระยะเวลาที่เหมาะสมในการให้บริการลูกค้า การหาข้อมูลเชิงลึกของตลาดต่างๆ การทำธุรกิจการเกษตรแบบดิจิตอล ท่าเรือส่งสินค้าที่ฉลาดขึ้น และเมืองที่ฉลาดขึ้น
• คนเชื่อมต่อถึงกัน เพื่อช้อมูลเชิงลึกที่มากขึ้น การทำงานแบบร่วมมือกัน การบริหารจัดการด้านสุขภาพ และบ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่ฉลาด ซึ่งสามารถเชื่อมต่อผู้คนเข้ากับชุมชนได้มากขึ้น และมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ดีขึ้นและเข้ากับความต้องการของแต่ละคนได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซด์ SAP News Center หรือติดตามความเคลื่อนไหวของงานอีเว้นท์ผ่านทวิตเตอร์ @sapnews
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit