ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า "ในโอกาสที่สำนักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมกับ โครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต จัดอบรมเชิงปฏิบัติการครูอาชีวศึกษา และมอบสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยจากต่างประเทศให้กับ สอศ. เพื่อนำไปใช้ในสถานศึกษาในสังกัดอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ถือเป็นกิจกรรมสำคัญของโครงการพัฒนาทักษะกำลังคนสายวิชาชีพจากความร่วมมือในรูปแบบ 'รัฐร่วมเอกชน' กับบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และสถาบันคีนันแห่งเอเซีย
ความร่วมมือดังกล่าวถือว่าสามารถตอบโจทย์ของอาชีวศึกษาในปัจจุบันในการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล ควบคู่กับการพัฒนาและผลิตบุคลากรครูที่มีคุณภาพ ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนา 'ต้นน้ำ' รวมทั้งส่งเสริมให้ครูปรับกระบวนการเรียนการสอนในระดับอาชีวศึกษาทั้ง ปวช. และ ปวส. เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาได้มีความรู้ความเข้าใจ และสนุกกับการเรียนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตแรงงานทักษะสูง ป้อนเข้าสู่ระบบได้มากขึ้น ขณะเดียวกันยังอาจดึงดูดให้เด็กๆ สนใจเข้าเรียนในสายอาชีวศึกษามากขึ้นด้วย นอกจากนี้ สอศ. ยังได้พัฒนา 'ปลายน้ำ' ในการจัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นภาคฤดูร้อน โดยร่วมกับสถานประกอบการเพื่อให้นักเรียนนักศึกษาได้เข้าพัฒนาทักษะจากการที่ได้ฝึกปฏิบัติงานจริง"
"สอศ. คาดหวังว่าการร่วมมือกับโครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต ในการพัฒนาคนต้นน้ำจะสร้างดีเอ็นเอที่ดีให้กับครูอาชีวะ รวมทั้งการเติมเต็มทักษะในส่วนของปลายน้ำจะสามารถนำประเทศไปสู่เป้าหมาย 'ประเทศไทย 4.0' ทั้งยังอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการแจ้งเกิด Start Up ใหม่ๆ ได้" ดร.สุเทพ กล่าวเพิ่มเติม
นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เปิดเผยว่า "ความร่วมมือระหว่างโครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต กับ สอศ. มีเป้าหมายสำคัญเพื่อร่วมพัฒนาทักษะแรงงานวิชาชีพให้เพียงพอและมีศักยภาพตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทย ซึ่งแนวทางหลัก คือ การมุ่งพัฒนาในส่วนการเรียนการสอนในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ หรือ สะเต็ม ในระดับอาชีวศึกษา โดยหนึ่งในกิจกรรมสำคัญ คือ การอบรมเชิงปฏิบัติการครูเพื่อสร้างดีเอ็นเอใหม่ของครูอาชีวะ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้และสร้างเด็กอาชีวะสายพันธุ์ใหม่ที่มีทักษะตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ประเทศไทยเป็นฐานผลิตสำคัญ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
พร้อมกันนี้โครงการฯ ยังให้การสนับสนุนอุปกรณ์และสื่อการสอนที่ทันสมัยจากสถาบัน It's About Time® ที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษาทั่วโลกว่าสามารถช่วยให้นักเรียนนักศึกษาเกิดความรู้ความเข้าใจและสนุกกับการเรียนวิชาด้านสะเต็มมากยิ่งขึ้น"โดยจุดเด่นของอุปกรณ์จากองค์กร It's About Time® คือ เป็นหลักสูตรสะเต็มศึกษาสำหรับนักเรียนนักศึกษาอาชีวะในระดับสากล ที่ใช้กระบวนการเรียนการสอนแบบสืบเสาะโดยใช้โครงงานหรือการตั้งปัญหาเป็นฐาน และเชื่อมโยงหลักวิทยาศาสตร์เข้ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันโดยใช้วงจรการออกแบบเชิงวิศวกรรม (Engineering Design Cycle) มาช่วยทำภารกิจในการทดลองให้สำเร็จ หลักสูตรมุ่งเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลางในการเรียน ทำให้นักเรียนเกิดความสนุก มีส่วนร่วมในการเรียน และสร้างเสริมทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อาทิ ทักษะการทำงานเป็นทีม ความคิดสร้างสรรค์ทักษะการคิดวิเคราะห์ การนำเสนอ และเรียนรู้จากการลงมือปฎิบัติ
นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานอำนวยการสถาบันคีนันแห่งเอเซีย กล่าวเสริมว่า "สิ่งที่ผู้บริหารโครงการ ทั้งบริษัทเชฟรอนฯ สถาบันคีนันแห่งเอเซีย รวมถึง สอศ. เห็นพ้องต้องกันว่าในการยกระดับการเรียนการสอนสาขาสะเต็มในระดับอาชีวศึกษา สิ่งสำคัญ คือ การพัฒนาให้ครูมีทักษะและวิธีการสอนให้นักเรียนสามารถหาความรู้แบบสืบเสาะ ตลอดจนปรับหลักสูตรให้สอดคล้อง และจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอน เพื่อช่วยให้ครูสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้นักเรียนนักศึกษาเข้าใจกระบวนการ ที่มาความคิด ผ่านการลงมือปฎิบัติจริง ไม่ใช่เรียนโดยการท่องจำ เพื่อให้เกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียนในสาขาสะเต็ม จึงเป็นที่มาในการจัดอบรมครูวิทยาศาสตร์ และมอบอุปกรณ์สื่อการเรียน การสอนวิทยาศาสตร์แก่สถาบันอาชีวศึกษาในครั้งนี้"
"เป้าหมายของความร่วมมือครั้งนี้คาดว่าจะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับสถาบันอาชีวศึกษากว่า 60 แห่ง พร้อมอบรมเชิงปฏิบัติการครูกว่า 1,800 คน และพัฒนาทักษะแรงงานและนักศึกษาสายอาชีวะกว่า 138,000 คน" นายอาทิตย์กล่าวทิ้งท้าย
อนึ่ง ปัจจุบันศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ (TVET Hub) ภายใต้โครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต ได้จัดตั้งไปแล้ว 3 แห่ง โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จังหวัดสงขลา และศูนย์พัฒนาอบรมแรงงาน จังหวัดชลบุรี ส่วนอีก 3 แห่งจะดำเนินการภายใน 2 ปีนี้ โดยจะอยู่ในจังหวัดที่เป็นฐานผลิตสำคัญของแต่ละอุตสาหกรรม ภายใต้แผนการดำเนินงานของโครงการในระยะเวลา 5 ปี
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit