Snapcart คว้าเงินทุน 3 ล้านเหรียญสหรัฐ ในงานระดมทุนรอบพรี Series A หวังพลิกเกมส์ธุรกิจการวิจัยตลาดกลุ่มผู้บริโภคแบบออฟไลน์

30 Mar 2017
เงินทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาระบบการแปลงไฟล์ภาพเอกสาร ให้เป็นไฟล์ข้อความโดยอัตโนมัติ (Optical character recognition หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า OCR) รวมถึงการพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้สามารถคิดได้เอง, การพัฒนาเทคโนโลยีด้านการจัดเก็บและประมวลข้อมูล และการกระตุ้นยอดขาย

Snapcart คือ แอพพลิเคชั่นที่มอบเงินคืนให้แก่นักช้อปเพียงแค่สแกนใบเสร็จ และสำหรับร้านค้าต่างๆ แอพฯนี้คือโอกาสที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลการช้อปปิ้งแบบออฟไลน์ของลูกค้าได้ง่ายๆ โดยในวันนี้ Snapcart ได้รับเงินทุนจำนวน 3 ล้านเหรียญสหรัฐจากกลุ่มธุรกิจเงินร่วมลงทุน Vicker Venture, กลุ่ม Wavemaker, กลุ่ม SPH Media Fund Pte Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนในเครือ Singapore Press Holding Limited ผู้นำด้านมีเดียในสิงคโปร์, และกลุ่มนักลงทุนประเภท angel investors เงินทุนนี้จะช่วยทำให้ snapcart สามารถพัฒนาระบบ OCR พัฒนาเทคโนโลยีด้านการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล รวมถึงการเพิ่มทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย

"เราเชื่อว่าเรากำลังเปลี่ยนวิถีการทำการวิจัยตลาดแบบเก่าๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยตลาดกลุ่มร้านค้าที่มีหน้าร้าน (Brick-and-mortar stores) ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 95% ในธุรกิจประเภทร้านขายของชำ ทั้งนี้ เราได้ร่วมมือกับบรรษัทข้ามชาติใหญ่ๆอย่าง ลอรีอัล, เนสท์เล่, ยูนิลีเวอร์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และ พี แอนด์ จี ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการได้รับเงินทุนในครั้งนี้มาก Snapcart จะไปต่อได้ ก็เพราะเราได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ลงทุนที่มองเห็นศักยภาพของเรา" นายเรเนซราน ราโยโน ผู้ก่อตั้งและ CEO แห่ง Snapcart กล่าวเขากล่าวต่ออีกว่า "ในอีก 12-18 เดือนข้างหน้านี้ Snapcart จะตั้งเป้าไปที่การพัฒนาการบริการและการเพิ่มฐานลูกค้า เรามั่นใจว่าด้วยเงินสนับสนุนที่เราได้รับในวันนี้ จะทำให้เราเดินเข้าใกล้เป้าหมายมากยิ่งขึ้น"

ปัจจุบัน Snapcart ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศอินโดนีเซียและได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศฟิลิปปินส์เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 Snapcart ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดผู้ใช้งานให้ถึง 50,000 คนต่อเดือน ซึ่งจะทำให้บริษัทมียอดผู้ใช้งานมากกว่าบริษัทคู่แข่งถึงห้าเท่าจุดแข็งของ Snapcart อยู่ที่เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์ OCR ที่สามารถอ่านข้อมูลต่างๆจากใบเสร็จรับเงินที่ลูกค้าสแกนเข้ามาโดยอัตโนมัติ โดยแทบไม่ต้องใช้มนุษย์เข้าไปเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ Snapcart ยังมีแพลทฟอร์มที่คอมพิวเตอร์สามารถทำงานเองได้ขนาดใหญ่ ซึ่งคล้ายกับแพลทฟอร์มที่ Amazon และ Netflix มี การอ่านข้อมูลและการวิเคราะห์จากใบเสร็จลูกค้าจะเป็นแบบเรียลทาม อีกทั้งยังมีระบบป้องกันการโกง ทำให้แอพฯมีความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพสูง ข้อมูลที่ได้จากใบเสร็จนั้นเป็นข้อมูลโดยละเอียดและไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ ทำให้เกิดประโยชน์อย่างมากกับแบรนด์สินค้าต่างๆที่ต้องการจะศึกษารูปแบบการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้าแต่ละคน

บริการหลักของ Snapcart ได้แก่ การวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าแบบเรียลทาม (Customer Analytics & Retail Tracking – CART), แพลทฟอร์มสำรวจพฤติกรรมการซื้อ (Targeted Audience-based Survey & questionnaire – TASQ) และเครื่องมือสำหรับวัดประสิทธิภาพสื่อแบบออฟไลน์ (Offline Purchase Tracking & Insights – OPTI) โดยการเปรียบเทียบรายได้จากการลงทุนในสื่อต่างๆ ซึ่งวัดจากยอดซื้อจริงของลูกค้า ไม่ใช่แค่การเดินเข้าไปชมสินค้า หรือการกดไลค์เพจแบบในอินเตอร์เน็ต Snapcart กำลังสร้างมิติใหม่แห่งการวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อสินค้าแบบออฟไลน์

นายเทอเรนซ์ ซิม รองผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจเงินร่วมลงทุน Vickers Venture กล่าวว่า "Snapcart โชว์ผลงานได้ดีเยี่ยมในการเพิ่มทางเลือกให้แก่บริษัทต่างๆจากที่เคยต้องใช้แต่ระบบการวิจัยตลาดแบบเก่าๆ เราดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุน snapcart ให้ก้าวเดินต่อไป โดยการพัฒนาระบบ OCR และเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงการเพิ่มสมาชิกในทีมเพื่อรองรับแบรนด์สินค้าที่สนใจบริการของ Snapcart ที่เพิ่มมากขึ้น"

นายพอล บี แซนโทส หุ้นส่วนของ Wavemaker Partners กล่าวว่า "ธุรกิจแบบ B2B คือสิ่งที่เราสนใจเป็นพิเศษ เรามองเห็นศักยภาพสูงของ Snapcart ดังนั้นเราจึงต้องการลงทุนตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก Snapcart นำเสนอการแก้ปัญหาแบบคิดนอกกรอบซึ่งก่อให้เกิดมูลค่าทางการตลาดแบบมหาศาลได้ไม่ยาก"