“สหกลอิควิปเมนท์” ลงนาม “ฮิตาชิ คอนสตรัคชัน แมชีเนอรี” รองรับ โครงการ 8 กับ (กฟผ)กว่า 2 หมื่นล้านบาท พร้อมบุกตลาด AECหลังยอดเติบโตทางธุรกิจสูงถึง 200% ในปีที่ผ่านมา

07 Apr 2017
บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด(มหาชน) ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านงานรับเหมาการทำเหมืองแร่แบบครบวงจรจัด "พิธีลงนามสัญญาซื้อขายเครื่องจักรและบริการ" กับ บริษัท ฮิตาชิ คอนสตรัคชัน แมชีเนอรี จำกัด ดำเนินธุรกิจจำหน่ายรถขุดขนถ่านหินเหมืองแร่รองรับโครงการ เหมืองแม่เมาะ โครงการ 8 กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ. มูลค่าโครงการกว่า 2 หมื่นล้านบาท
“สหกลอิควิปเมนท์” ลงนาม “ฮิตาชิ คอนสตรัคชัน แมชีเนอรี” รองรับ โครงการ 8 กับ (กฟผ)กว่า 2 หมื่นล้านบาท พร้อมบุกตลาด AECหลังยอดเติบโตทางธุรกิจสูงถึง 200% ในปีที่ผ่านมา

นาย ศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บริษัทประกอบธุรกิจหลัก ด้วยการให้บริการงานด้านทำเหมืองแร่ อย่างครบวงจร นานถึง 34 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2526 มีลักษณะการทำงานครอบคลุมครบวงจร อาทิ การทำเหมืองถ่านหินแบบบ่อเปิด เป็นการเปิดหน้าดิน เป็นบ่อลึกไปถึงชั้นถ่านหิน และทำการขุดถ่านหินออกมาใช้งาน เป็นต้น ด้วยความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพในการทำเหมืองแร่ จึงได้รับความไว้วางใจให้บริษัท ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจคนไทยรายแรก ให้รับผิดชอบดำเนินงานโครงการเปิดหน้าเหมือง แม่เมาะ โครงการ 1 มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท จนถึง โครงการเปิดหน้าเหมืองโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง โครงการ 8 มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.)

รวมถึงการรับงานเกี่ยวกับงานขุด ขน ลำเลียงดิน และถ่านหิน งานติดตั้งระบบสายพานในเหมืองแม่เมาะ และการรับเหมาก่อสร้างทางหลวงสายสำคัญๆ ทั่วประเทศไทย ในส่วนของต่างประเทศ บริษัทมีการดำเนินงาน โครงการที่บริษัทฯ เป็นคู่สัญญาโดยตรง กับ โครงการขุน-ขนดิน เหมืองหงสา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มูลค่าหมื่นกว่าล้านบาท ในปีที่ผ่านมารวมถึง มีงานแร่ดีบุก และอื่นๆที่เกี่ยวข้องครบวงจร กับ ประเทศเพื่อนบ้านในตลาดอาเซียน อาทิ พม่า ลาว เวียดนาม และเขมรด้วยและล่าสุด กับ โครงการเปิดหน้าเหมืองโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง โครงการ 8 มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัทได้ตกลงทำสัญญา ซื้อขายเครื่องจักรและบริการมูลค่า 940 ล้านบาท กับ บริษัท ฮิตาชิ คอนสตรัคชัน แมชีเนอรี จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจ ระหว่างกันต่อไป

สำหรับแผนการตลาดในปีนี้และปีถัดไป ยังคงดำเนินธุรกิจรูปแบบเดิม และเตรียมประมูลโครงการเปิดหน้าเหมืองโรงไฟฟ้าแม่เมาะ โครงการ 9 และโครงการต่อไปเพิ่มเติม โดยยังคงยึดมั่นหลักการทำงาน ด้วยการรักษาคุณภาพ ประสิทธิภาพ ในการทำงานให้เกิดประโยชน์กับผู้ว่าจ้างสูงสุด ส่วนเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจมีการเติบโตสูงขึ้นตามลำดับ โดยในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตทางธุรกิจรวมจาก 80% เพิ่มสูงขึ้นถึง 200%

ด้าน นาย ยาสุชิ โอชิไอ รองประธานอาวุโส บริษัท ฮิตาชิ คอนสตรัคชัน แมชีเนอรี จำกัด กล่าวว่า บริษัท ประกอบกิจการ ผลิต ประกอบ ซ่อมแซมเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง เช่น รถขุดไฮดรอลิก รถตักล้อยาง รถตักหน้าขุดหลังรวมถึงส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรซึ่งบริษัทจะดูแลลูกค้าทุกรายตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลักและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อจะได้จัดหาผลิตภัณฑ์ ชิ้นส่วน และบริการที่ครอบคลุมขอบเขตการทำงานได้ตรงตามลักษณะการใช้งาน

นอกจากนี้ มีบริการการให้คำปรึกษาโดยรวมสำหรับลูกค้าที่ทำอุตสาหกรรมด้านการก่อสร้าง การทำเหมืองหิน การทำเหมืองแร่ การจัดการวัสดุ การรื้อถอน และการรีไซเคิลเศษซากขยะ ฯลฯ ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมงาน ในโครงการเปิดหน้าเหมืองโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง โครงการ 8 มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.)ซึ่งมีการทำงานร่วมกันมามากกว่า 10 ปี

ทั้งนี้ เกิดจาก นโยบายของบริษัทในการให้บริการหลังการขายด้วยคุณภาพสูง สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีอยู่ตลอดเวลา รวมถึงทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจและเชื่อมั่นการทำงานด้วยดีตลอดมา อีกทั้ง บริษัทมีการพัฒนาปรับปรุงแก้ไขทุกปัญหา อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และลดภาระทางสิ่งแวดล้อม จึงมีการ พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านเครื่องจักรกล ที่ใช้กับการก่อสร้างของฮิตาชิอยู่ตลอดเวลาโดยในส่วนภาพรวมทางการตลาดของ บริษัท ฮิตาชิ คอนสตรัคชัน แมชีเนอรี จำกัด ในเมืองไทย ปัจจุบัน มีส่วนแบ่งทางตลาดอยู่ที่ 8% ซึ่งเติบโตแบบขึ้นๆลงๆ มาเป็นลำดับนับจากปี 2555 อยู่ที่ 17% 13%และมาชะงักลดลงจากสถานการณ์ทางเมืองในปี 2557 – 2558 ทำให้หยุดดำเนินธุรกิจในเมืองไทยไประยะหนึ่ง แต่นับจากนี้เป็นต้นไป บริษัทได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดและบริการรูปแบบใหม่เพิ่มเติม เพื่อกลับมายืนในตลาดเมืองไทยอีกครั้งแบบมั่นคง และคาดจะเติบโตเพิ่มขึ้นตามลำดับอยู่ที่10 – 12% อย่างแน่นอน