"พันเอกอดุลย์" เป็นผู้ริเริ่มและประธานโครงการ โดยเริ่มถ่ายทอดประสบการณ์กว่าจะได้เป็นฮีโร่ พร้อมสร้างโอกาส ความฝัน แรงบันดาลใจ ให้กับเยาวชนที่ด้อยโอกาส เด็กกำพร้า เด็กยากจน ใน 5 จังหวัดชายแดนภายใต้ทั้งจังหวัดสตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ด้วยการนำเยาวชนในโรงเรียนต่างๆ 1,500 โรงเรียน โรงเรียนละ 1 คน อายุไม่เกิน 12 ปี ที่ชื่นชอบฟุตบอล มีสุขภาพแข็งแรง ขยัน อดทน มีระเบียบวินัยมาฝึกฝนเป็นเวลา 1 เดือนที่กรุงเทพฯ
หลังจากนั้นจะคัดเลือกเยาวชนที่มีทักษะการเล่นฟุตบอลที่ดีจำนวน 25 คน เพื่อเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้พบปะกับฮีโร่ของเขา อย่างนักฟุตบอลทีมชาติไทย ดารา-นักแสดง พร้อมเดินทางไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยและกีฬาระหว่างประเทศ ที่ผ่านมามีการไปแลกเปลี่ยนตามสโมสรต่างๆ เช่น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล เชลซี แมนเชสเตอร์ซิตี้ เลสเตอร์ซิตี้ บาร์เซโลนา เรอัล มาดริด อัตเลติโก มาดริด บาเยิร์น มิวนิก ฯลฯ
วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (STC) ภายใต้การบริหารงานโดย อาจารย์พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช อธิการบดี เห็นความสำคัญของการสนับสนุนเยาวชนไทยด้วยการสนับสนุนโครงการฯ ผ่านการทำจิตอาสาเพื่อให้เยาวชนไทยได้พัฒนาทักษะทางด้านฟุตบอล และช่วยให้เยาวชนไม่หลงผิด โดย อาจารย์อุบลวรรณ สุวรรณ ผู้ช่วยรองอธิการบดีฝ่ายบริหารและอาเซียนสัมพันธ์ของ STC และทีมอาจารย์ได้ลงพื้นที่ทำจิตอาสามอบน้ำดื่ม ขนม และนมให้กับโครงการฯ
อาจารย์อุบลวรรณ กล่าวว่า "โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก เพราะเป็นการมอบโอกาสให้กับเด็กดี ไม่ใช่เด็กเก่ง คนเราเก่งอย่างเดียวไม่ได้ และคนดีต้องมาก่อนคนเก่ง ยิ่งมารู้ว่าโครงการฯ ได้ช่วยให้เด็กๆ จาก 5 จังหวัดภาคใต้กลุ่มเสี่ยงได้มีโอกาสเข้าถึงกีฬาและห่างไกลจากสิ่งไม่ดี STC ในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ ยิ่งเห็นความสำคัญและอยากจะเข้ามาให้การสนับสนุน โดยเราขอเป็นจิตอาสาในการเข้ามอบน้ำดื่ม ขนม และนม โดยเฉพาะนมถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเยาวชนวัยกำลังเติบโต"
ด้าน พันเอกอดุลย์ มะลิพันธุ์ ในฐานะผู้ริเริ่มและประธานโครงการ "ฮีโร่ สานฝัน ปันรัก เพื่อน้อง 5 จังหวัดชายแดนใต้" กล่าวว่า "ผมขอขอบพระคุณทางผู้บริหาร STC ที่เห็นความสำคัญของโครงการฯ และเยาวชน เยาวชนเหล่านี้กว่า 10% เป็นเด็กกำพร้า การสนับสนุนให้เขาเล่นกีฬาจะทำให้เขามีความแข็งแกร่งทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผมมองว่าการที่มีหน่วยงานหรือองค์กรเข้ามาช่วยจะทำให้โครงการนี้ไปได้อีกไกล"
สำหรับกำหนดการเก็บตัวของโครงการฯ เริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม–22 เมษายน 2560 ส่วนการไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยและกีฬา ณ ประเทศอังกฤษจะไปช่วง 27 เมษายน–8 พฤษภาคม 2560
"การเดินทางไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยและกีฬาที่ต่างประเทศ จะทำให้เยาวชนเหล่านี้ได้เจอกับเพื่อนใหม่ในต่างแดน ได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมและกีฬา ทั้งยังได้รู้จักคำว่า รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้จักที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สร้างความรักความสามัคคีในหมู่คณะ สิ่งเหล่านี่จะติดตัวเยาวชนต้นแบบ พวกเขาจะกลายเป็นฮีโร่ประจำตำบล หมู่บ้าน อำเภอ และจังหวัด ตลอดจนนำประสบการณ์ในชีวิตไปพัฒนาประเทศชาติและบ้านเกิดของตัวเอง และสิ่งเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดไปสู่รุ่นน้องต่อไป ขอบคุณผู้สนับสนุนและผู้ใหญ่ใจดีที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความสงบโดยเร็ว" พันเอกอดุลย์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit