น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด(บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า "สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2560 บริษัทตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ที่ 4 แสนล้านบาท โดยมุ่งเน้นการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกความต้องการและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนสามารถจัดสรรการลงทุนที่เหมาะสมกับทุกสภาวะการลงทุน รวมทั้งมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางที่หลากหลาย และให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง"
"ในปี 2560 บริษัทมีแผนที่จะเปิดให้บริการ Mobile Application เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ลงทุนในการเข้าถึงข้อมูลการลงทุนและสามารถทำธุรกรรมได้ด้วยตนเองในทุกที่ทุกเวลา พร้อมทั้งเสนอขายกองทุนใหม่ควบคู่กับการให้บริการ Life Path สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนรวมและสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท โดยผู้ที่สนใจสามารถสมัครใช้บริการ Life Path เพียงครั้งเดียว จากนั้นทีมผู้จัดการกองทุนจะช่วยติดตามและดูแลพอร์ตการลงทุนอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาการลงทุน พร้อมปรับสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆให้เหมาะกับช่วงอายุและระดับความเสี่ยงควบคู่กันไปโดยอัตโนมัติ โดยผู้ลงทุนที่มีอายุน้อยจะมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมากกว่าตราสารหนี้ และเมื่อผู้ลงทุนมีอายุเพิ่มมากขึ้นกองทุนจะทยอยลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลงและมุ่งเน้นรักษาเงินต้นเพิ่มมากขึ้น เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีและมีเงินเพียงพอกับการใช้จ่ายหลังเกษียณ"
"นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาระบบ Emchoice อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการลงทุนสำหรับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มกรุงศรีและ MUFG เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคลให้แก่ลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทข้ามชาติอีกด้วย"
"ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีแผนที่จะเสนอขายกองทุนใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเทคโนโลยีอิควิตี้(KF-GTECH) ชูศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก T. Rowe Price Funds SICAV – Global Technology Equity Fund และกองทุนเปิดกรุงศรีไทยออลสตาร์ปันผล (KFTSTAR-D) ที่มีจุดเด่นคือสามารถลงทุนหุ้นไทยได้อย่างยืดหยุ่นโดยเลือกหุ้นเด่นจากทุกโมเดลที่เหมาะสมที่สุดในทุกสภาวะตลาด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของหุ้นปันผล หุ้นเติบโต หุ้นขนาดใหญ่ หรือหุ้นขนาดเล็ก"
"สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2559 ที่ผ่านมานั้น บริษัทได้เสนอขายกองทุนใหม่จำนวน 12 กองทุน ซึ่งครอบคลุมทุกสินทรัพย์ ทั้งหุ้นต่างประเทศ หุ้นในประเทศ ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก โดยมียอดเงินลงทุนสุทธิของทั้ง 12 กองทุนในช่วง IPO คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 7,800 ล้านบาท* นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดให้บริการโอนย้ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(PVD)ไปยังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกองทุนRMFทุกกองทุนซึ่งมีให้เลือกกว่า 15 นโยบายการลงทุน รวมทั้งได้ปรับปรุงรูปแบบเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงและรองรับการใช้งานของอุปกรณ์มือถือทุกประเภท"
"สำหรับทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM)ของบริษัทในปี 2559 เติบโตอยู่ที่ระดับ 12.7% ในส่วนของกองทุนรวมมีอัตราการเติบโตที่ 12.4% กองทุนส่วนบุคคลมีอัตราการเติบโตที่ 19.6% และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอัตราการเติบโตที่ 11.6% นอกจากนี้ บลจ.กรุงศรี ยังได้รับแต่งตั้งให้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งจดทะเบียนแล้ว มูลค่ากว่า 6,400 ล้านบาท" (ข้อมูล : บลจ.กรุงศรี ณ 30 ธ.ค. 59)
"ในปี 2559 บลจ.กรุงศรี มียอดเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิในกองทุนหุ้นกว่า 1,700 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมมียอดเงินลงทุนสุทธิติดลบในกองทุนหุ้นกว่า 12,000 ล้านบาท ด้านผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของ บริษัทในปีที่ผ่านมา ได้แก่ กองทุนรวมหุ้นและกองทุน LTF ที่ยังคงได้รับความนิยมจากนักลงทุน และมียอดเงินลงทุนสุทธิติดอันดับต้นๆในอุตสาหกรรม ในส่วนของกองทุน KFSDIV เป็นหนึ่งในกองทุนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และยังคงรักษาตำแหน่งกองทุนหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า19,187ล้านบาท นอกจากนี้ กองทุน LTF ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นกัน โดยมียอดเงินลงทุนสุทธิกว่า 20% ของอุตสาหกรรมได้ไหลเข้าสู่กองทุน LTF ของบลจ.กรุงศรี (ข้อมูล: บลจ.กรุงศรี ณ 30 ธ.ค. 59)** สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่ผู้ลงทุนมอบให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บลจ.กรุงศรี มุ่งมั่นที่จะรักษาผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้ผู้ลงทุนเพื่อสร้างผลประโยชน์ที่สูงสุดแก่ผู้ลงทุนเป็นสำคัญ"*/**ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
"บลจ.กรุงศรี ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะยาว ถึงแม้ว่าในระยะสั้นตลาดจะยังคงมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่เชื่อมั่นว่าในระยะยาวตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพและมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนระยะยาวในหุ้นที่มีคุณภาพดี เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งและกำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ยังเป็นที่น่าสนใจลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆในภูมิภาค รวมถึงการใช้จ่ายของภาครัฐและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมีความชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยมีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามกระแสเงินลงทุนต่างชาติและปัจจัยภายนอกประเทศ เช่น การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ เป็นต้น"
"สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในกองทุนหุ้น บลจ.กรุงศรี มีกองทุนหุ้นที่หลากหลายนโยบายให้เลือกลงทุน นอกจากกองทุน KFSDIV ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นปันผลและได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องแล้ว ในปีที่ผ่านมายังมีกองทุนดาวเด่นที่ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น และมีนโยบายลงทุนในหุ้นเติบโตเช่น กองทุนKFSEQ และกองทุนKFSEQ-D รวมทั้งกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กอย่างกองทุน KFTHAISM ก็มีผลการดำเนินงานที่ดีและได้รับความเพิ่มนิยมสูงขึ้นเช่นกัน"
"ทั้งนี้ ในปี 2560 แนะนำให้ผู้ลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเติบโตสูง รวมทั้งหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กซึ่งได้รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนฯที่มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กองทุน KFSEQ-D หรือ กองทุน KFSEQ รวมไปถึงกองทุนที่เน้นการเฟ้นหาหุ้นที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละภาวะตลาด เช่น กองทุนKFDNM-D หรือ กองทุนKFDYNAMIC และกองทุนใหม่อย่าง KFTSTAR-D ที่กำลังจะเปิดเสนอขาย โดยแนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองทุนดังกล่าว เนื่องจากมีแนวโน้มในการให้ผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นปันผล"
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี จำกัด โทร. 02-657-5757 หรือ เว็บไซต์ www.krungsriasset.com หรือ ติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit