นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2559 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายไฟฟ้ารวม 672.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 367.5 ล้านบาท หรือ 120.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 304.9 ล้านบาท และบริษัทมีกำไรสุทธิ 201.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 335% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.19 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการโรงไฟฟ้า 4 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) ,โรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE),โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG ) ที่เดินเครื่องจ่ายไฟฟ้า (COD) ได้เรียบร้อยแล้ว รวมกำลังการผลิต 34.4 เมกะวัตต์
"รายได้หลักของบริษัทฯมาจากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการ พัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) ขนาดกำลังการผลิต 9.2 เมกะวัตต์ และโครงการ สตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) ขนาดกำลังการผลิต 9.2 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งตามแผนโครงการดังกล่าวจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ และไตรมาส 2 ปีนี้ ตามลำดับ ส่งผลให้มีกำลังการผลิตที่พร้อมจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบจำนวน 52.8 เมกะวัตต์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้"นายเชิดศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ TPCH ยังมีโครงการไฟฟ้าที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาทั้งสิ้น 82 เมกะวัตต์ รวมถึง โครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวลขนาด 46 เมกะวัตต์ ของ PTG ที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ มีมติให้ความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้มองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าจากโครงการต่างๆ ภายในประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงในชุมชนอย่างยั่งยืนและกำลังอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมที่จะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่คณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ (กพช) ได้เห็นชอบการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) โดยมีเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าทั้งหมด 568 เมกะวัตต์ เป็นการรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP Hybrid-Firm และ VSPP Semi-Firm
ในส่วนของต่างประเทศ บริษัทฯ มีโครงการต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 52.10 เมกะวัตต์ ต่อเนื่องจากเป้าหมายที่จะพัฒนาโครงการในกลุ่มประเทศอาเซียนจำนวน 50-80 เมกะวัตต์ภายในปี พ.ศ.2563 เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากบริษัทต่างชาติ และเพิ่มช่องทางสร้างรายได้และความแข็งแกร่งให้แก่องค์กร สร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคตอีกด้วย อย่างไรก็ตามคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดการดำเนินงานปี 2559 (1 ม.ค.-31 ธ.ค.59) ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาทต่อหุ้น โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม เพื่อขออนุมัติในลำดับถัดไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit