สพฉ. เสียใจ อดีตกองหลังทีมชาติไทย เสียชีวิต แจง เวลาแจ้งเหตุยังสับสน ยัน เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการประสานขอรถรพ.ทันที ชี้ ระบบบันทึกการรับผู้ป่วยถึงจุดเกิดเหตุภายใน 7 นาทีหลังรับแจ้งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เตรียม หาข้อเท็จจริงพัฒนาระบบต่อ

23 Feb 2017
นพ.ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หรือ สพฉ.กล่าวถึงกรณีที่ นายบุญธรรม บูรณธรรมานันท์ อดีตกองหลังทีมชาติไทย หัวใจวายระหว่างการฝึกซ้อมฟุตบอล ในสนามกีฬา กระทรวงสาธารณสุข และเสียชีวิต ว่า สพฉ.ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบหาข้อเท็จจริง เบื้องต้นทราบว่าเพื่อนผู้ป่วยวิ่งมาแจ้งที่สพฉ.ว่า ผู้ป่วยมีอาการชัก ในเวลาประมาณ 17.30 น. จากนั้นเจ้าหน้าที่ศูนย์สั่งการได้แจ้งไปยังศูนย์สั่งการ 1669 จ.นนทบุรีในทันที
สพฉ. เสียใจ อดีตกองหลังทีมชาติไทย เสียชีวิต แจง เวลาแจ้งเหตุยังสับสน ยัน เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการประสานขอรถรพ.ทันที ชี้ ระบบบันทึกการรับผู้ป่วยถึงจุดเกิดเหตุภายใน 7 นาทีหลังรับแจ้งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เตรียม หาข้อเท็จจริงพัฒนาระบบต่อ

ซึ่งศูนย์สั่งการจังหวัดนนทบุรีแจ้งว่า ได้รับแจ้งเหตุแล้วขณะนี้รถฉุกเฉินอยู่ระหว่างกำลังเดินทาง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของ สพฉ. เอง ก็กำลังเตรียมตัวที่จะออกจากตึกไปให้การช่วยเหลือ แต่เป็นจังหวะเดียวกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารว่าผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาลด้วยตนเองแล้ว ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลกับโรงพยาบาลบำราศนราดูร พบว่าผู้ป่วยไปถึงโรงพยาบาลในเวลาประมาณ 17.30 น. ซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกับที่เพื่อนของผู้ป่วยมาแจ้งที่สพฉ.

นพ.ภูมินทร์ กล่าวว่า สำหรับระบบที่สพฉ.วางไว้จะมีการบันทึกเวลาชัดเจนในทุกขั้นตอน นับจากการรับแจ้ง ซึ่งในกรณีนี้ ศูนย์สั่งการที่รพ.ได้รับแจ้งในเวลา 17.23 น. และแจ้งไปยังโรงพยาบาลบำราศนราดูร ในเวลา 17.24 น. รถออกจากโรงพยาบาลในเวลา 17.27 น. และรถโรงพยาบาลได้ถึงจุดเกิดเหตุในเวลา 17.30 น.ซึ่งคาดว่าน่าจะสวนทางกับรถของญาติที่นำส่งผู้ป่วย ทั้งนี้ระยะเวลาที่รถพยาบาลถึงจุดเกิดเหตุถิออยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทันทีที่ระบบรับทราบเหตุ สามารถทำการช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว

"ส่วนปัญหาที่ยังไม่ชัดเจนในเวลานี้นั้น คือเวลาที่เกิดเหตุ และเวลาที่โทรแจ้งศูนย์ เป็นเวลาเท่าใดแน่ เพราะเวลาที่ถูกบันทึกในระบบ คือ 17.23 น. หากเพื่อนผู้ป่วยโทรก่อนหน้านั้น คงต้องหาสาเหตุเพิ่มเติมว่ามีความผิดพลาดอย่างไร ทั้งนี้ยืนยันว่า สพฉ.จะพยายามสอบข้อเท็จจริงเพื่อพัฒนาระบบต่อไป" รองเลขาธิการสพฉ.กล่าว